การวางแผนการยก Lifting Plan ในงานก่อสร้าง พร้อมแบบฟอร์มฟรี

การวางแผนการยก Lifting Plan ในงานก่อสร้าง

อยากที่ทุกคนทราบกันดีกว่ารถเครน หรือที่อีกคนหลายคนเรียกว่า ปั้นจั่น เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ทุ่นแรงที่สามารถช่วยยกวัตถุที่มีน้ำหนักมาก ๆ ได้ และนิยมใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งแน่นอนครับ ว่าการใช้รถเครนมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ถ้าหากไม่ได้มีการวางแผน Lifting Plan อย่างครอบคลุม 

วันนี้ทางทีม Ek Crane จึงอยากจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับการวางแผนการยกปั้นจั่น หรือ Lifting Plan ที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยครับ  

ทำความรู้จัก Lifting Plan (การวางแผนการยกปั้นจั่น) 

การทำ Lifting Plan คือ การสรุปขั้นตอนการใช้รถเครนทุกขั้นตอน พร้อมทั้งหาวิธีหลีกเลี่ยงและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น ทำให้การทำ Lifting Plan จำเป็นต้องมีการออกแบบและเขียนขึ้นโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ วัตถุที่ยก และกฎหมาย เป็นหลัก นอกจากนี้การทำ Lifting Plan ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น 

องค์ประกอบสำหรับ Lifting Plan 

  1. ความเหมาะสม 

การเลือกประเภทรถเครน หรือ อุปกรณ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตะขอ หรือ สลิง จำเป็นต้องเลือกให้เหมาะสมกับน้ำหนักวัตถุ เพื่อความปลอดภัยระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งการเลือกประเภทรถเครนที่สามารถรองรับน้ำหนักวัตถุได้เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม 

  1. น้ำหนัก

การทำ Lifting Plan จำเป็นต้องระบุน้ำหนักวัตถุที่จะเคลื่อนย้ายไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัย นอกจากน้ำหนักของวัตถุแล้ว อย่าลืมที่จะคำนึงถึงขนาด ลักษณะ รูปทรง และข้อควรระวังพิเศษ เช่น เป็นวัตถุที่แตกหักง่าย หรือ เป็นวัตถุไวไฟ เป็นต้น

  1. เส้นทาง และ พื้นที่ 

ถ้าหากคุณต้องการทำ Lifting Plan ที่ดี คุณจำเป็นที่จะต้องกำหนดเส้นทางที่รถเครนเคลื่อนผ่าน เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะถ้าหากจำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่สัญจรสาธารณะร่วมกับผู้อื่น คุณควรระบุสิ่งกีดขวางไว้อย่างชัดเจน การกำหนดเส้นทางและพื้นที่ไว้อย่างชัดเจนนอกจากจะช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังทำให้สามารถคำนวณเวลาและสามารถคาดคะเนระยะเวลาสำหรับปฏิบัติงานได้อีกด้วย 

วางแผนการยก Lifting Plan
  1. ปฏิบัติตามมาตรฐาน และ ข้อกำหนด 

คือ การตรวจสอบว่า Lifting Plan ที่ทำขึ้นมาเป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับ และมาตรฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถเครน เช่น กฎหมายและข้อบังคับของประเทศไทยที่ระบุเกี่ยวกับการใช้งานรถเครน หรือ การเคลื่อนย้ายวัตถุที่มีน้ำหนักมาก หรือ มาตรฐานที่มีการกำหนดไว้ในระดับสากล 

  1. ชี้แจงแผนการทำงานให้กับพนักงาน 

หลังจากคุณที่ได้มีการจัดทำ Lifting Plan และ ได้มีการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ควรมีการชี้แจงรายละเอียด ขั้นตอนการทำงาน กฎหมาย รวมไปถึงข้อควรระวังต่าง ๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน เช่น เจ้าหน้าที่บังคับเครน เจ้าหน้าที่ให้สัญญาณมือ พนักงานขนของ และ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งการชี้แจงแผนการทำงานที่ถูกต้องชัดเจนจะช่วยลดข้อผิดพลาดระหว่างปฏิบัติหน้าที่

  1. ตรวจสอบอุปกรณ์

ก่อนการใช้งานรถเครนทุกครั้งควรมีการตรวจสอบความพร้อมรถเครนและอุปกรณ์ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สลิง ตะขอ และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ในการยก ทั้งนี้ถ้าหากเจออุปกรณ์ที่ต้องได้รับการซ่อมบำรุงควรส่งไปซ่อมก่อน ไม่ควรฝืนใช้งาน เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้ 

ดาวน์โหลดแบบฟอร์มสำหรับการวางแผน Lifting Plan ฟรี!

สำหรับผู้ที่ต้องการแบบฟอร์มสำหรับการวางแผน Lifting Plan สามารถทำการดาวน์โหลดได้ที่ >>> แบบฟอร์ม Lifting Plan

ขอบคุณเว็บไซต์ www.craneprofessional.in.th สำหรับข้อมูลแบบฟอร์ม Lifting Plan

Lifting Plan มีประโยชน์อย่างไร ?  

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ แต่จริง ๆ แล้วการทำ Lifting Plan ถือว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็น และมีประโยชน์เป็นอย่างมากเลยครับ ซึ่งประโยชน์ของ Lifting Plan ได้แก่

  • เพิ่มความปลอดภัยระหว่างปฏิบัติงานให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ 
  • เพิ่มความปลอดภัยให้กับวัตถุที่ต้องการเคลื่อนย้าย 
  • เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมั่นใจ ทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น 
  • ช่วยลดปัญหาด้านกฎหมายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้าหากปฏิบัติตามแผนที่กำหนดไว้ 
  • สามารถปรับปรุงและแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที
ข้อดีของการวางแผนการยก Lifting Plan

สรุป 

สุดท้ายนี้ผมจึงข้อสรุปว่าการทำ Lifting Plan ถือเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญและจำเป็นที่จะต้องทำทุกครั้ง เพราะสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยลดปัญหาด้านกฎหมายที่อาจจะตามมา และยังช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยการทำ Lifting Plan ผมแนะนำว่าควรทำอย่างรอบคอบ เพื่อให้แผนครอบคลุมกระบวนการทำงานทั้งหมด

ที่สำคัญไม่ควรเสี่ยงใช้รถเครนยกวัตถุที่มีน้ำหนักมาก ๆ โดยไม่มีการวางแผนก่อน เพราะการใช้รถเครนจำเป็นต้องใช้ทักษะความรู้ ความชำนาญ และการจัดการอย่างระมัดระวัง ซึ่งการใช้รถเครนโดยไม่มีการวางแผนก่อนอาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับเจ้าหน้าที่ วัตถุ อุปกรณ์ และตัวรถเครนเองได้ครับ 

ติดตามข่าวสาร ข้อมูล ความรู้ และสาระดี ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง รถเครน และปั้นจั่นสามารถติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ EK CRANE เรามีอัปเดตสาระน่ารู้ใหม่ ๆ ให้อยู่เสมอ นอกจากนี้สำหรับผู้ที่สนใจเช่ารถเครนประเภทต่าง ๆ เอกเครน โลจิสติกส์ ผู้นำด้านบริการเช่ารถเครนทุกขนาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เรามีทีมงานตลอดให้บริการอยู่ตลอด สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย

การใช้เครนอย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัย และบำรุงรักษา

ปั้นจั่น หรือ เครน เป็นหนึ่งในเครื่องจักรที่นิยมเป็นอย่างมากในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และ อุตสาหกรรมอื่น ๆ เพราะสามารถช่วยทุ่นแรงในกระบวนการขนย้ายสิ่งของได้ และ สามารถขนย้ายสิ่งของที่มนุษย์ไม่สามารถเคลื่อนย้ายด้วยตัวเองได้ และแน่นอนว่าในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครน ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจมากเป็นอันดับต้น ๆ วันนี้ผมจึงจะมาแนะนำวิธีการใช้เครนอย่างถูกวิธี เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุในที่ทำงานลง ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูการใช้เครนอย่างถูกวิธีไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า 

วิธีการใช้งานเครนอย่างถูกวิธี 

อย่างที่ผมได้กล่าวไปก่อนข้างหน้านี้ว่าความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ในการปฏิบัติงาน การใช้งานเครนให้ถูกวิธีจริงเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน โดยวิธีการใช้งานเครนอย่างถูกวิธี มีดังนี้ 

1. เลือกใช้งานเครนให้ถูกประเภท 

เครน หรือที่หลายคนเรียกว่า ปั้นจั่น มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเคลื่อนย้ายสิ่งของ หรือ ขนส่งสินค้าเท่านั้น นั่นดังไม่ควรที่นำเครนไปใช้งานผิดประเภท เช่น การขึ้นลงโดยสาร เพราะการใช้งานเครนผิดประเภทสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อทรัพย์สินและชีวิตได้นั่นเองครับ 

2. ตรวจสอบความพร้อมก่อนใช้งานทุกครั้ง 

ทุกครั้งก่อนใช้งานเครนผู้ควบคุมเครนควรตรวจเช็กสภาพว่าเครนอยู่ในสภาพพร้อมใช่งาน ชิ้นส่วนต่าง ๆ สามารถทำงานได้ปกติหรือไม่ มีส่วนไหนที่เกิดความเสียหายหรือชำรุดที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายระหว่างปฏิบัติงานหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น ทั้งนี้ถ้าหากพบว่าเครนชำรุด หรือ มีชิ้นส่วนที่ไม่สามารถใช้งานได้ปกติ ผมแนะนำว่าไม่ควรใช้งานเครนนั้น ๆ ควรนำไปแก้ไขหรือบำรุงรักษาให้เรียบร้อยแล้วจึงนำกลับมาใช้งานใหม่ครับ 

3. ผู้ควบคุมเครนต้องมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับเครน

การจะใช้งานเครนอย่างถูกวิธีได้ ผู้ควบคุมเครนจำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับเครนครับ โดยบริษัทควรมีการอบรมให้ความรู้การใช้เครนอย่างถูกวิธีกับผู้ควบคุมเครนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และ ปัจจุบันผู้ควบคุมเครนจำเป็นต้องมีใบเซอร์เครนเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินทั้งของตนเองและผู้อื่นครับ ทั้งนี้ถ้าหากว่าผู้ใช้งานเครนไม่มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานเครน ห้ามแตะต้องหรือใช้งานเครื่องจักรโดยเด็ดขาด 

การใช้เครนอย่างถูกวิธี

4. หลีกเลี่ยงการใช้เครนยกวัตถุที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานกำหนดไว้

นอกจากประเภทการใช้งานของเครนที่ต้องคำนึงแล้ว น้ำหนักของวัตถุที่เครนสามารถยกได้ก็สำคัญไม่แพ้กันครับ ผมจึงแนะนำให้ตรวจสอบน้ำหนักที่เครนสามารถยกได้ทุกครั้งก่อนใช้งาน เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติงาน ที่มีสาเหตุมาจากใช้เครนยกวัตถุน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานกำหนดไว้ และรวมไปถึงไม่ควรนำวัตถุวางซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น เพราะอยากให้งานเสร็จเร็ว ๆ ด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายระหว่างขนย้ายวัตถุได้ครับ 

5. หลีกเลี่ยงการยกวัตถุค้างไว้บนอากาศนาน ๆ 

การใช้เครนอย่างถูกวิธีไม่ควรใช้เครนยกวัตถุขึ้นสูงแล้วค้างไว้บนอากาศนาน ๆ เพราะอาจจะทำให้ตัวเครนรองรับน้ำหนักมากเกินไป และทำให้เครนพัง หรือ หัก ในที่สุด และถ้าหากเกิดเหตุการณ์ตามที่ได้กล่าวมาสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ได้ 

6. ก่อนใช้งานเครนทุกครั้งต้องแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้อง

ก่อนใช้งานเครนทุกครั้งจำเป็นต้องแจ้งผู้อื่น หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่กำลังปฏิบัติงานในบริเวณรอบ ๆ ก่อนเสมอ ว่าจะกระทำสิ่งใด และ อย่างไร เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในที่ทำงาน

7. หากพบสิ่งผิดปกติต้องหยุดใช้งานเครนทันที 

ในระหว่างที่กำลังใช้งานเครนถ้าหากเกิดเหตุขัดข้อง สิ่งผิดปกติ หรือ ได้ยินเสียงที่ผิดปกติที่มาจากเครนที่ใช้งานอยู่ ควรหยุดใช้งานเครนทันที และจึงตรวจสอบว่าเหตุขัดข้องที่เกิดมีสาเหตุมาจากอะไร เพื่อช่างจะได้สามารถแก้ไขและซ่อมบำรุงได้อย่างตรงจุด 

8. ห้ามแกล้งหรือเล่นกันในระหว่างใช้งานเครน 

การแกล้งหรือเล่นกันในระหว่างที่เครนทำงาน เช่น การโยกตัวยกไปมาในขณะที่เครนกำลังยกวัตถุขึ้นสูงอยู่บนอากาศ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำโดยเด็ดขาด เพราะสามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุที่อาจจะร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต

9. จัดเก็บเครนทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ

การใช้เครนอย่างถูกวิธีอย่างสุดท้าย คือ การเคลื่อนย้ายเครนไปยังตำแหน่งที่กำหนดไว้ทุกครั้ง พร้อมทั้งทำการตัดไฟที่ปุ่มสวิตซ์หลัก เพื่อป้องกันเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและตัดโอกาสเครนทำงานเองในขณะไม่มีผู้ใช้งาน 

ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหากใช้งานเครนผิดวิธี

ถ้าใช้งานเครนผิดวิธีจะเกิดอันตรายอย่างไร 

หลังจากที่รู้การใช้เครนอย่างถูกวิธีแล้ว มาลองดูกันว่าถ้าหากใช้งานเครนผิดวิธี สามารถก่อให้เกิดอันตรายอะไรได้บ้าง โดยถ้าหากผู้ควบคุมใช้งานเครนผิดวิธี จะก่อให้เกิดอันตราย ดังต่อไปนี้ 

1. ความเสียหายต่ออวัยวะ 

บางครั้งการเกิดอุบัติเหตุในระหว่างปฏิบัติงานอาจจะทำให้ผู้ประสบเหตุกลายเป็นบุคคลทุพพลภาพ ส่งผลให้ไม่สามารถใช้ชีวิตและปฏิบัติงานได้ตามปกติ ซึ่งทำให้ผู้ประสบเหตุศูนย์โอกาสหลาย ๆ อย่างในชีวิต เช่น ความก้าวหน้าในที่ทำงาน เป็นต้น 

2. ความเสียหายต่อชีวิต

การเสียชีวิตของพนักงานในระหว่างปฏิบัติงานที่มีสาเหตุมาจากความประมาทและอุบัติเหตุที่เกิด เป็นความเสียหายที่รุนแรงมากที่สุด และเป็นความเสียหายที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ นอกจากนี้เป็นเหตุการณ์ที่ทุกองค์กรไม่ต้องการให้เกิด

3. ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 

การเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้ง อย่างน้อยที่สุดทรัพย์สินบางอย่างต้องได้รับความเสียหาย ซึ่งบริษัทต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเครนและทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ถ้าหากมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น บริษัทอาจจะต้องจ่ายค่ารักษาพยายามอีกด้วย 

ข้อแนะนำหลังใช้เครน 

  • นำเครน และ อุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เก็บตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ 
  • ปิดสวิตซ์หลักในการใช้งาน เพื่อตัดไฟฟ้า 
  • จดบันทึกรายงานการปฏิบัติงาน 
  • หากพบปัญหาให้แจ้งบริษัทผู้ผลิตเพื่อซ่อมแซมและป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุในการใช้งานครั้งต่อไป 

สรุป

การใช้เครนอย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติงาน ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยสร้างความอุ่นใจ มั่นใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องทุกคน ส่งผลให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ถ้าหากพบว่ามีระหว่างที่ใช้งานเครนมีสิ่งผิดปกติ หรือ เกิดเหตุขัดข้อง ควรหยุดใช้งานทันที เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นครับ 

และสำหรับใครที่ไม่อยากพลาดสาระดี ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง รถเครน และปั้นจั่นสามารถติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ EK CRANE เรามีอัปเดตสาระน่ารู้ใหม่ ๆ ให้อยู่เสมอ นอกจากนี้สำหรับผู้ที่สนใจเช่ารถเครนประเภทต่าง ๆ เอกเครน โลจิสติกส์ ผู้นำด้านบริการเช่ารถเครนทุกขนาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เรามีทีมงานตลอดให้บริการอยู่ตลอด สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย

อัปเดต 2567 กฎหมายกระทรวงแรงงานในการใช้ ปั้นจั่น เครื่องจักร

อัปเดตกฎหมายกระทรวงแรงงานในการใช้ ปั้นจั่น เครื่องจักร

อัปเดตกฎหมายปั้นจั่นฉบับล่าสุด โดยปัจจุบันนั้นประเทศไทยยังคงใช้ กฎหมายปั้นจั่น 2564 ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบัน สำหรับใครที่ทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างที่จำเป็นต้องเกี่ยวข้อง หรือ มีการใช้งานปั้นจั่น หรือ รถเครน ผมแนะนำว่าจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับกฎหมายและข้อบังคับที่กระทรวงได้มีการกำหนดไว้ก่อนครับ ทั้งนี้การศึกษากฎหมายปั้นจั่น 2564 ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ปฏิบัติหน้าที่เองและทุกคนที่มีส่วนร่วม 

โดยบทความนี้ผมได้สรุปกฎหมายปั้นจั่น 2564 ฉบับล่าสุด พร้อมทั้งตอบคำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับกฎหมายปั้นจั่น 2564 ถ้าพร้อมแล้วไปดูพร้อมกันเลยดีกว่าครับว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงบ้าง 

ทำความรู้จักกับ ‘กฎหมายปั้นจั่น’ ฉบับล่าสุดจากกระทรวงแรงงาน

บางคนอาจจะยังไม่รู้ใช่ไหมครับ ว่ากฎหมายปั้นจั่น หรือกฎหมายการใช้งานปั้นจั่น และเครื่องจักรอุตสาหกรรมฉบับ 2564 คืออะไร แล้วหมายถึงอะไร วันนี้ผมจะช่วยสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ เองครับ 

กฎหมายปั้นจั่น 2564 คือ มาตรฐานและข้อบังคับที่กระทรวงได้มีการกำหนด เพื่อใช้บริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครื่องจักร หม้อน้ำ และปั้นจั่น (หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า รถเครน) ซึ่งเป็นข้อกำหนดให้นายจ้างบริหารจัดการและดูแลความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อให้ลูกจ้างมีความปลอดภัยในการทำงานมากขึ้นนั่นเองครับ 

อัปเดตกฎหมายการใช้ปั้นจั่นฉบับล่าสุด

อัปเดต กฎหมายกระทรวงแรงงานในการใช้ เครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ากฎหมายปั้นจั่นมีมาหลายปีแล้ว โดยฉบับล่าสุด ได้แก่ กฎหมายปั้นจั่น 2564 ซึ่งรายละเอียดของกฎหมายปั้นจั่น 2564 ก็มีทั้งปรับเพิ่มและปรับลดข้อบังคับค่อนข้างหลายข้อกันเลยทีเดียว แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะผมก็ได้เตรียมสรุปคร่าว ๆ ไว้ให้ทุกคนข้างล่างนี้แล้ว ไปดูพร้อมกันเลยดีกว่า

1. หมวกที่ 1 เครื่องจักร

  • ส่วนที่ 1 บททั่วไป ข้อ 9 เครื่องจักรต้องมีการตรวจสอบประจำปีก่อนใช้งาน 
  • ส่วนที่ 3 เครื่องเชื่อมไฟฟ้าและเครื่องเชื่อมก๊าซ ข้อ 11 ในบริการที่ทำงานต้องมีการติดตั้งวิธีการทำงานของเครื่องปั๊มโลหะ เครื่องตัด เครื่องกลึง เครื่องตัด เครื่องขัด ฯลฯ 
  • ส่วนที่ 6 เครื่องจักรสำหรับใช้ในการยกคนขึ้นทำงานที่สูง ข้อ 12 เครื่องจักรที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายจำเป็นต้องมีการประเมินอันตราย 

2. หมวกที่ 2 ปั้นจั่น

  • ส่วนที่ 1 บททั่วไป ข้อ 58 นายจ้างต้องจัดให้มีการทดสอบอุปกรณ์และส่วนประกอบของปั้นจั่นอย่างน้อย 1 ครั้ง/ปี และต้องมีสำเนาเอกสารการทดสอบไว้ให้พนักงานตรวจสอบความปลอดภัยสามารถตรวจสอบได้ 
  • ส่วนที่ 1 บททั่วไป ข้อ 60 สำหรับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับปั้นจั่นที่ใช้เครื่องยนต์ นายจ้างต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด ต่อไปนี้ 
  1. จัดให้มีที่ครอบปิดหรือฉนวนหุ้มท่อไอเสีย
  2. จัดให้มีถังเก็บเชื้อเพลิงและต้องติดตั้งท่อส่งเชื้อเพลิงที่อยู่ในลักษณะที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์เชื้อเพลิงหก รั่ว หรือล้นออกมา
  3. กำหนดมาตรการการจัดเก็บและเครื่องย้ายเชื้อเพลิงสำรองที่มีความปลอดภัย 
  • ส่วนที่ 1 บททั่วไป ข้อ 62 นายจ้างต้องไม่ให้ลูกจ้างใช้ปั้นจั่นที่ชำรุด เสียหาย หรืออยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมปฏิบัติงาน 
  • ส่วนที่ 2 ปั้นจั่นเหนือศีรษะและปั้นจั่นขาสูง ข้อ 75 สำหรับนายที่ให้ลูกจ้างขึ้นไปทำงานบนปั้นจั่นที่มีความสูงเกิน 2 เมตร ต้องมีบันไดพร้อมราวจับ และโครงโลหะกันตก หรือ อุปกรณ์เซฟตี้อื่น ๆ ที่สามารถเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับลูกจ้างในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้ ตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานฯ
  • ส่วนที่ 3 ปั้นจั่นหอสูง ข้อ 77 สำหรับปั้นจั่นที่มีรางล้อเลื่อนที่ ที่อยู่บนแขนปั้นจั่น กฎกำหนดว่านายจ้างจำเป็นต้องมีการติดตั้งสวิตซ์หยุดการทำงานของปั้นจั่นโดยอัตโนมัติ และ มีกันชนหรือกันกระแทกที่ปลายสองข้างของราว 

3. หมวกที่ 3 หม้อน้ำ

  • ส่วนที่ 1 บททั่วไป ข้อ 100 สำหรับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ที่รับผิดชอบควบคุมหม้อต้มหรือหม้อน้ำที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน จำเป็นต้องผ่านการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้งานและความปลอดภัย และจำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
  • ส่วนที่ 2 หม้อน้ำ ข้อ 107 ในการติดตั้งหม้อน้ำนายจ้างต้องมีการทดสอบตามที่คู่มือกำหนด และต้องมีวิศวกรคอยดูแลควบคุมระหว่างติดตั้ง 
  • ส่วนที่ 2 หม้อน้ำ ข้อ 108 นายจ้างต้องใช้น้ำที่ได้มาตรฐาน และ มีการควบคุมคุณภาพน้ำ ที่ใช้ในหม้อน้ำ โดยน้ำที่ใช้ต้องได้มาตรฐานตามที่กฎ ASME, EN, ISO, JIS หรือ ตามหลักวิศวกรรม 
กฎหมายปั้นจั่นมีอะไรบ้าง มีผลบังคับใช้เมื่อไร

กฎหมาย ปั้นจั่นฉบับปี 2564 มีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ 

เมื่อมีการอัปเดตกฎหมายปั้นจั่น 2564 มาใหม่ทำให้หลายคนเกิดความสับสนว่าแล้วกฎที่กระทรวงออกมาจะมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ใช่ไหมครับ  กฎหมายปั้นจั่น 2564 มีผลบังคับใช้หลังพ้นกำหนด 90 วัน โดยนับตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2564 

สรุป

หลังจากที่ได้อ่านบทความอัปเดต กฎหมายปั้นจั่น 2564 ผมหวังว่าทุกคนจะได้รับข้อมูล ข่าวสาร และสามารถใช้งานปั้นจั่น หรือ เครน ได้ถูกวิธี ถูกต้องตามที่กฎกระทรวงกำหนดไว้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติหน้าที่และผู้ที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดสาระดี ๆ เกี่ยวกับการใช้งานปั้นจั่น สามารถติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ EK CRANE คลิกเลยครับ!

สำหรับผู้ที่สนใจเช่ารถเครนประเภทต่าง ๆ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เอกเครน โลจิสติกส์ ผู้นำด้านบริการเช่ารถเครนทุกขนาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย

รถเฮี๊ยบคืออะไร แตกต่างจากรถเครนหรือไม่ เหมาะกับงานประเภทใด

รถเฮี๊ยบคืออะไร

รถเฮี๊ยบ คำคุ้นหูของใครหลายคนที่เคยได้ยินกันบ่อย ๆ บางคนก็อาจทราบอยู่แล้วว่าเป็นชื่อเรียกของรถเครน แต่คำว่าเฮี๊ยบนั้นมาจากไหนก็มีน้อยคนนักที่จะทราบที่ไปที่มาของชื่อนี้ อีกทั้งการนำรถเฮี๊ยบมาช่วยอำนวยความสะดวกในการขนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักมากหรือมีขนาดใหญ่ ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยอีกว่า แล้วรถเฮี๊ยบต่างจากรถเครนหรือไม่?

ในบทความนี้เราจึงจะพาทุกคนมารู้จักที่มาที่ไปของ รถเฮี๊ยบ ว่าแท้จริงแล้วรถเฮี๊ยบ คืออะไร แตกต่างจากรถเครนหรือไม่ เหมาะกับงานประเภทใด มาไขข้อสงสัยไปพร้อมกันเลย

รถเฮี๊ยบคืออะไร

Hiab หรือ รถเฮี๊ยบ คือ รถบรรทุกติดเครนหรือปั้นจั่นชนิดหนึ่ง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Truck Loader Crane ซึ่งรถเฮี๊ยบจะมีลักษณะเหมือนรถบรรทุกทั่วไป และมีเครนติดตั้งอยู่ด้านหลังของรถสามารถปรับระดับขึ้นลงได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการยกและขนย้ายสิ่งของ นอกจากนี้รถเฮี๊ยบบางประเภทยังมีกระเช้าให้ใช้งานอีกด้วย ทำให้รถเฮี๊ยบสามารถนำมาใช้งานได้อย่างหลากหลายรูปแบบ 

สำหรับที่มาที่ไปของคำว่า “เฮี๊ยบ” นี้มาจากชื่อยี่ห้อของรถบรรทุกติดเครนแบรนด์แรกที่นำเข้ามาขายในไทย จึงทำให้ใครหลายคนเรียกติดปากตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รถเฮี๊ยบมีถิ่นกำเนิดจากประเทศสวีเดน เมื่อประมาณกลางปี ค.ศ.1947 โดยเป็นชื่อสินค้าของบริษัท Hydrauliska Industri AB ประเทศสวีเดน 

ขนาดของรถเฮี๊ยบ

ขนาดของรถเฮี๊ยบ

โดยทั่วไปแล้วขนาดของรถเฮี๊ยบสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

  1. รถเฮี๊ยบ หรือรถบรรทุกติดเครน ติดกระเช้าสูง 18 เมตร
  2. รถเฮี๊ยบ หรือรถบรรทุกติดเครน 3 ตัน กว้าง 2.50 เมตร ยาว 6.50 เมตร
  3. รถเฮี๊ยบ หรือรถบรรทุกติดเครน 5 ตัน กว้าง 2.50 เมตร ยาว 6.50 เมตร
  4. รถเฮี๊ยบ หรือรถบรรทุกติดเครน 6 ตัน กว้าง 2.50 เมตร ยาว 6.50 เมตร
  5. รถเฮี๊ยบ หรือรถบรรทุกติดเครน 8 ตัน กว้าง 2.50 เมตร ยาว 6.50 เมตร
  6. รถเฮี๊ยบ หรือรถบรรทุกติดเครน 10 ตัน กว้าง 2.50 เมตร ยาว 6.50 เมตร

หมายเหตุ รถบรรทุกที่ติดเครื่องทุ่นแรงจะมีทั้ง รถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ และ 12 ล้อ

รถเฮี๊ยบเหมาะกับงานประเภทใด

รถเฮี๊ยบเหมาะกับงานประเภทใด

รถเฮี๊ยบ หรือรถบรรทุกติดเครนจะมีเครนติดตั้งไว้บนรถบรรทุก เหมาะสำหรับใช้ในการขนส่งหรือขนย้ายสิ่งของที่มีขนาดใหญ่ โดยรถเฮี๊ยบจะมีให้เลือกใช้งานหลากหลายประเภทตามการรองรับน้ำหนักของตัวรถ ซึ่งสามารถรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 3 ตัน 5 ตัน และ 10 ตัน แถมยังปรับระดับความสูง-ต่ำได้ จึงทำให้สามารถใช้ขนย้ายของได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โดยรถเฮี๊ยบเหมาะกับงานประเภทย้ายสิ่งของหนัก ๆ หรือใช้ในการยก บรรทุกสินค้า 

  • ใช้บรรทุกขนย้ายสิ่งของ เช่น วัสดุก่อสร้าง เหล็ก ปูน อิฐ อุปกรณ์ต่าง ๆ เครื่องจักรขนาดใหญ่ กระจก ท่อน้ำ
  • ใช้เป็นเครนยกของ เช่น ตู้คอนเทนเนอร์ โฟลค์ลิฟท์ (Forklift) ยกต้นไม้ใหญ่ ม้วนสายไฟ โครงหลังคา ถังน้ำมัน
  • ช่วยในงานก่อสร้าง 
  • ใช้ร่วมกับรถกระเช้าเพื่อทำงานติดตั้งต่าง ๆ เช่น ติดตั้งกระจก ติดตั้งป้าย

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย

วิธีการใช้งานรถเฮี๊ยบ

ก่อนการใช้งานรถเฮี๊ยบจำเป็นจะต้องศึกษาคู่มือการใช้งานให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ หรือสามารถรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าได้ สำหรับวิธีการใช้งานรถเฮี๊ยบมีดังต่อไปนี้

  1. ศึกษาอ่านคู่มือและทำความเข้าใจการใช้งาน และชั้นตอนการบำรุงรักษารถเฮี๊ยบอย่างถี่ถ้วน นอกจากนี้ควรมีคู่มือติดไว้กับตัวรถตลอดเวลา
  2. ก่อนใช้งานต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ของที่จะทำการยกและอุปกรณ์ช่วยยก ต้องมีน้ำหนักไม่เกินตัวรถเฮี๊ยบ และพิกัดรอก รวมถึงควรใช้หูยกยกของเสมอ
  3. ตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องให้แน่ใจว่าพร้อมใช้งานอย่างปลอดภัย ไม่หลวม ไม่หย่อน เช่น ตะขอยก สลิง โซ่ เป็นต้น
  4. ตรวจสอบให้มั่นใจว่าของที่จะยกมั่นคงแล้ว 
  5. ห้ามยกของในขณะที่มีบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่ในบริเวณที่ทำงาน
  6. ไม่ควรควบคุมเครื่องจักรอย่างรุนแรง
  7. ลงของด้วยความระมัดระวัง ภายใต้การควบคุมที่ตรวจสอบแล้วว่าปลอดภัย
ความแตกต่างระหว่างรถเฮี๊ยบกับรถเครน

รถเฮี๊ยบกับรถเครนแตกต่างกันไหม?

อย่างที่กล่าวไปว่ารถเฮี๊ยบ คือหนึ่งในประเภทของรถเครนเคลื่อนที่ หรือ Mobile Crane ซึ่งรถเฮี๊ยบเป็นชื่อเรียกของเครนติดรถบรรทุก ดังนั้นรถเครนและรถเฮี๊ยบจึงไม่แตกต่างกัน โดยประเภทของรถเครนเคลื่อนที่นั้นสามารถแบ่งได้ 4 ประเภทคือ

  1. รถเครนบรรทุก (Truck Loader Crane) หรือที่เรียกกันว่า รถเฮี๊ยบ นั่นเอง
  2. รถเครนตีนตะขาบ (Crawler Crane)
  3. รถเครน 4 ล้อ (Rough Terrain Crane)
  4. รถเครนล้อยาง (All Terrain Crane)

สรุป

รถเฮี๊ยบ คือชื่อเรียกของเครนติดบรรทุกที่ติดปากใครหลาย ๆ คนมานาน รถเฮี๊ยบสามารถนำมาใช้งานได้หลากหลายประเภท ทั้งยกขนย้ายสิ่งของ ใช้ในงานก่อสร้าง หรือจะใช้งานร่วมกับกระเช้าก็ได้เช่นกัน รถเฮี๊ยบสามารถช่วยให้ทำงานได้สะดวก ร่นระยะเวลา และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ก่อนการใช้รถเฮี๊ยบทุกครั้งผู้คุมควรตรวจสอบความเรียบร้อยทั้งหมดให้ถี่ถ้วน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้

ทั้งนี้ ทางบริษัท เอกเครน ไม่มีบริการให้เช่ารถเฮี๊ยบ แต่สำหรับผู้ที่สนใจเช่า โมไบล์เครน (Mobile Crane) หรือรถเครนประเภทต่าง ๆ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เอกเครน โลจิสติกส์ ผู้ให้บริการเช่ารถเครนทุกขนาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

วิธีคำนวณ Load Chart ตารางการรับน้ำหนักของรถเครน

การคำนวณ Load Chart ตารางรับน้ำหนัก เพื่อความปลอดภัยในการใช้เครน

บางคนอาจจะเคยได้ยิน หรือ เคยได้อ่านข่าว ลวดสลิงของรถเครนขาด รถปั้นจั่นล้ม หรือ วัตถุที่ยกตกหล่นทำให้ทรัพย์สินบริเวณรอบ ๆ ได้รับความเสียหาย หรือ อาจจะรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต แน่นอนว่าเป็นเหตุการณ์ที่อันตรายและไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เหล่านั้น 

วันนี้ผมจึงจะมาแนะนำทุกคนเกี่ยวกับ การคำนวณเครน หรือ คำนวณน้ำหนักที่เครนสามารถรับได้ไหว หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า Load Chart เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน ถ้าหากพร้อมแล้วไปดูกันเลยดีกว่า ว่าวิธีการคำนวณเครน ต้องทำยังไง 

การคำนวณ Load Chart สำคัญอย่างไร 

บางคนอาจจะยังสงสัยว่าทำไมต้องคำนวณเครน การคำนวณเครน (Load Chart) สำคัญอย่างไร ? จริง ๆ แล้ว การคำนวณเครนถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เลยทีเดียวครับ เพราะถ้าหากน้ำหนักวัตถุที่ยก กับ น้ำหนักที่รถเครนสามารถยกได้ ไม่เหมาะสมกัน สามารถเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงที่ส่งผลกับทรัพย์สินและชีวิตของผู้ปฏิบัติงานและผู้ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ได้ 

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย

วิธีคำนวณน้ำหนักที่เครนสามารถยกได้ 

1. คำนวณหาระยะยก B หรือ ระยะทำงาน

อย่างแรกที่ต้องทำในการคำนวณเครน คือ การคำนวณหาระยะทำงาน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Working radius โดยสามารถหาได้จาก 

ระยะยก B = การวัดตั้งแต่จุดศูนย์กลางของเอวสวิงเครนไปจนถึงจุดที่วางชิ้นงาน 

2. คำนวณหาระยะความสูง

ขั้นต่อมาในการคำนวณเครนได้แก่การหาระยะความสูง หรือ Lifting Hight โดยทุกคนสามารถหาได้จาก

ระยะความสูง = ความสูงที่จุดวาง + ความสูงชิ้นงานและอุปกรณ์ช่วยยก + ระยะเผื่อที่ 1 และ 2 

3. คำนวณหาระยะความยาวบูม 

ขั้นที่ 3 ในการคำนวณเครน หลังจากที่เราได้ค่าระยะทำงาน และ ระยะความสูง แล้วจะช่วยให้เราสามารถหาความยาวบูมที่จะช่วยให้เราสามารถอ่านค่าตารางยก (Load Chart) ได้ โดยสามารถหาระยะความยาวบูมได้จาก

  1. ทำเครื่องหมาย ตามระยะการทำงานที่หาได้ (กราฟแนวนอน)
  2. ทำเครื่องหมาย ตามระยะความสูงที่หาได้ (กราฟแนวตั้ง)
  3. ลากเส้นจากเครื่องหมายที่ทำไว้ทั้ง 2 จุด จบบรรจบกัน และดูว่าจุดที่ได้อยู่ใต้สวิงบูมที่ความยาวเท่าไหร่ 
  4. อ่านค่าองศาระยะความยาวบูมที่ได้ 
Load chart การคำนวณเครน

4. อ่านตาราง Loading Chart เพื่อค่าพิกัดยก

หลังจากที่เราได้ค่าความยาวบูมแล้วก็สามารถอ่านค่าตารางยก หรือ Load Chart ซึ่งก็จะช่วยให้เราทราบว่าค่าพิกัดยกของรถเครนคันนั้น ๆ 

5. การคำนวณน้ำหนักที่เครนสามารถยกได้ทั้งหมด 

มาถึงขั้นตอนสุดท้ายในการคำนวณเครนแล้วครับ คือ การคำนวณน้ำหนักที่เครนสามารถยกได้ โดยหาจาก 

น้ำหนักที่เครนสามารถยกได้ = น้ำหนักชิ้นงาน + น้ำหนักสลิง และ ตะขอเครน + น้ำหนักของอุปกรณ์ช่วยยก 

ความหมายข้อความและสัญลักษณ์บน Load Chart 

นอกจากการคำนวณเครนแล้ว การเข้าใจความหมายของสัญลักษณ์บน Load Chart ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะช่วยให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ดังนั้นผมแนะนำว่าผู้ที่ต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถเครน รถปั้นจั่น จำเป็นต้องศึกษาความหมายข้อความ และ สัญลักษณ์ 

โดยวันนี้ผมได้นำข้อความ และ สัญลักษณ์ที่จำเป็นเกี่ยวกับการอ่าน Load Chart มาแนะนำครับ 

  1. หน่วยน้ำหนักที่ใช้นิยมใช้เป็นหน่วยน้ำหนัก ตัน (ton)
  2. รุ่นผลิต จะช่วยให้ทราบประเภทเครน และ ความสามารถในการยกน้ำหนัก เช่น TR250M-6 หมายความว่า รถเครนยี่ห้อ Tanano ประเภท Rough Treeain Carne สามารถยกได้ 25 ตัน 
  3. ความกว้างของขาเครน จะช่วยให้ตอนอ่านตาราง Load Chart ว่าภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ ควรใช้ความกว้างของขาเครนเท่าไหร่ 

สรุป

นอกจากความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทรถเครนที่จะทำให้ใช้รถเครนได้ตรงวัตถุประสงค์แล้ว การคำนวณเครน การอ่านตาราง Load Chart เพื่อหาน้ำหนักที่สามารถยกได้ เป็นอีกเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ดังนั้นทุกบริษัทที่ให้บริการรถเครน หรือ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง จำเป็นต้องเทรนและให้ความรู้กับพนักงานเกี่ยวกับการคำนวณเครน เพื่อความปลอดภัยในการทำงานครับ 

บริษัท เอกเครน โลจิสติกส์ จำกัด เราเป็นผู้นำด้านรถโมบายเครน ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเปิดให้บริการเช่ารถเครนมานานกว่า 30 ปี เน้นความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้งานและผู้ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เป็นหลัก พนักงานควบคุมรถเครนของเราทุกคนได้รับการฝึกอบรมการใช้รถเครน สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-745-999 หรือ แอด Line @EKCRANE

การให้สัญญาณมือเครนที่ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยในงานก่อสร้าง

การให้สัญญาณมือเครนที่ถูกต้อง เสริมความแม่นยำในการทำงาน

นอกจากการวิธีการใช้รถเครนที่ถูกต้องและความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในงานก่อสร้างแล้ว การให้สัญญาณมือเครน เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน โดยทั้งผู้ใช้รถเครนและผู้ให้สัญญาณจำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการให้สัญญาณมือเครนระดับสากล เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน 

บทความนี้ผมจะพาทุกคนไปทำความรู้จักเกี่ยวกับการสัญญาณมือเครน ที่จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุขณะปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้าทุกคนพร้อมแล้วไปดูกันเลยดีกว่าครับ 

ทำไมต้องมีสัญญาณมือเครน

ทำไมต้องมีสัญญาณมือเครน? สัญญาณมือเครนมีความสำคัญอย่างไร ? ผมสามารถตอบได้เลยครับ ว่าสัญญาณมือเครนมือเป็นสัญญาณที่มีความสำคัญและไม่สามารถขาดได้โดยเด็ดขาด เพราะการให้สัญญาณมือเครน จะช่วยให้ผู้ขับรถเครนสามารถรับรู้ว่าควรเคลื่อนที่ไปทางไหน และ ยังช่วยให้รับรู้บริเวณจุดบอดต่าง ๆ ที่ผู้ขับรถเครนไม่สามารถมองเห็นได้

ซึ่งการให้สัญญาณมือเครน นอกจากจะสามารถช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติงานได้แล้ว ยังช่วยให้การทำงานนั้นเป็นไปได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ภายในบริเวณไซต์ก่อสร้างนั้นจะมีเสียงดังจากการดำเนินงานของเครื่องจักรต่าง ๆ ทำให้การสื่อสารด้วยเสียง (หรือวิทยุสื่อสาร) นั้นผิดพลาดได้ง่าย จึงทำให้การใช้สัญญาณมือนั้นถูกคิดค้นขึ้นมา ซึ่งได้มีการใช้งานอย่างแพร่หลายและเป็นมาตรฐานสำคัญสำหรับผู้ใช้งานเครนทั่วโลก

นอกจากนี้สัญญาณมือเครนยังมีประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติงานที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ด้วยครับ เพราะจะช่วยให้ผู้ที่อยู่บริเวณโดยรอบ สามารถรับรู้และหลีกเลี่ยงบริเวณที่เครนกำลังทำงานอยู่เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย

โดยสัญญาณมือเครนที่ทาง Ek Crane จะแนะนำให้ทราบภายในบทความนี้ เป็นสัญญาณมือเครนแบบสากลซึ่งสามารถใช้ส่งสัญญาณขณะใช้งานเครนร่วมกันได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องกังวลในเรื่องของภาษาที่ใช้ทำงานร่วมกันเลยทีเดียว

รวมสัญญาณมือเครนสากล เซฟไปใช้ได้เลย

16 สัญญาณมือเครนสากล ที่จะช่วยให้การทำงานปลอดภัย

หลังจากที่รู้ประโยชน์ของสัญญาณมือเครนแล้ว เรามาดูกันดีกว่าครับ ว่าสัญญาณมือเครนสากลที่ทั่วโลกใช้งานกันนั้นมีอะไรบ้าง และแต่ละสัญญาณมีความหมายว่าอย่างไร 

สัญญาณหยุด

  1. หยุดยกวัตถุ

คว่ำฝ่ามือและเหยียดแขนด้านซ้ายออกไปจนสุดแขน ในระดับไหล่ พร้อมเหวี่ยงไป-มา ในแนวระดับไหล่อย่างรวดเร็ว เพื่อให้สัญญาณมือเครนหยุดยกวัตถุ

  1. หยุดยกแบบฉุกเฉิน 

คว่ำฝ่ามือลงและเหยียดแขนทั้งสองข้างจนสุดในระดับหัวไหล่ พร้อมเหวี่ยงไป-มาในแนวระดับไหล่อย่างรวดเร็ว เพื่อให้สัญญาณมือเครนหยุดยกวัตถุฉุกเฉิน

  1. หยุดและยึดเชือกลวดทั้งหมด 

กำมือทั้งสองข้างเข้าหากันโดยให้มืออยู่ระดับเอว เพื่อส่งสัญญาณให้หยุดและยึดเชือกลวดทั้งหมด 

สัญญาณรอก

  1. ใช้รอกเล็ก 

งอกข้อศอกข้างใดข้างหนึ่งขึ้นพร้อมทั้งกำมือให้อยู่ในระดับหัวไหล่ โย้ไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วใช้มืออีกข้างแตะที่ข้อศอกข้างที่งอ เพื่อให้สัญญาณมือเครนว่าให้ใช้รอกเล็ก

  1. ใช้รอกใหญ่

กำมือข้างใดข้างหนึ่ง แล้วยกมือขึ้นระดับเหนือศีรษะแล้วเคาะเบา ๆ บนศีรษะของตนเอง เพื่อให้สัญญาณใช้รอกใหญ่ 

  1. เลื่อนรอกขึ้น 

งอข้อศอกข้างใดข้างหนึ่งตั้งฉาก ใช้ชี้นิ้วชี้ขึ้นแล้วจึงค่อย ๆ หมุนเป็นวงกลม เพื่อเป็นสัญญาณมือเครนบอกให้เลื่อนรอกขึ้น

  1. เลื่อนรอกลง

กางแขนข้างใดข้างหนึ่งออกเล้กน้อย ใช้นิ้วชี้ชี้ลงพื้น แล้วค่อย ๆ หมุนเป็นวงกลม แล้วจึงกำมือทั้งสองข้างคว่ำลงแล้วยกขึ้น 

สัญญาณบูม

  1. ยกบูม 

กำมือพร้อมเหยียดแขนขวาออกจนสุดแขน และใช้หัวแม่มือชี้ขึ้นข้างบน เพื่อเป็นสัญญาณมือเครนบอกให้ยกบูม 

  1. นอนบูม

กำมือพร้อมเหยียดแขนขวาออกจนสุดแขน และใช้หัวแม่มือชี้ลงที่พื้น เพื่อเป็นสัญญาณมือเครนบอกให้นอนบูม 

  1. ยกบูมพร้อมเลื่อนรอกลง 

เหยียดแขนข้างใดข้างหนึ่งออกสุด แบมือให้นิ้วโป้งชี้ลงแล้วกวักนิ้วทั้งสี่นิ้วที่เหลือไป-มา เพื่อให้สัญญาณมือเครนว่ายกบูมพร้อมเลื่อนรอกลง 

  1. ยกบูมพร้อมเลื่อนรอกขึ้น 

เหยียดแขนข้างใดข้างหนึ่งออกสุด แบมือให้นิ้วโป้งขึ้นฟ้าแล้วกวักนื้วทั้งสี่นิ้วที่เหลือไป-มา เพื่อให้สัญญาณมือเครนว่ายกบูมพร้อมเลื่อนรอกขึ้น

  1. หดบูม 

กำมือทั้งสองข้างคว่ำลง แล้วยกขึ้นเสมอเอว ให้นิ้วโป้งทั้งสองข้างชี้เข้าหาลำตัว

  1. ยึดบูม 

กำมือทั้งสองข้างแล้วหงายข้อมือ ยกขึ้นระดับเสมอเอว และเหยียดนิ้วโป้งของมือทั้งสองข้างออกนอกลำตัว  

  1. หมุนบูมไปทิศทางที่ต้องการ 

เหยียดแขนข้างใดข้างหนึ่งจนสุดแขน และชี้ไปตามทิศทางที่ต้องการให้หมุนบูมไป เพื่อเป็นการบอกให้หมุนบูมไปทิศนั้น

สัญญาณมืออื่น ๆ

  1. ยกวัตถุขึ้นอย่างช้า ๆ 

ยกแขนข้างใดข้างหนึ่งขึ้น โดยคว่ำฝ่ามือไว้ในระดับซ้าย และใช้นิ้วชี้ของมืออีกข้างชี้ขึ้นตรงกลางฝ่ามือแล้วค่อยหมุนช้า ๆ เพื่อเป็นการบอกให้ยกวัตถุขึ้นอย่างช้า ๆ 

  1. สั่งเดินหน้า 

เหยียดฝ่ามือด้านขวาออกตรงไปข้างหน้า ฝ่ามือตั้งตรงในระดับไหล่ และจึงทำท่าผลักไปในทิศทางที่ต้องการให้เครนเคลื่อนที่ 

การให้สัญญาณมือเครนแบบสากล

สรุป

หลังจากที่ทุกคนได้อ่านบทความนี้ หลายคนน่าจะเข้าใจวิธีการใช้สัญญาณมือเครนที่ถูกต้องกันแล้ว แน่นอนว่าการให้สัญญาณมือเครนถือเป็นสิ่งที่จำเป็นในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ดังนั้นผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับไซต์งานก่อสร้างจำเป็นที่จะต้องมีความรู้เรื่องสัญญาณมือเครน เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและผู้ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ทั้งนี้บริษัทรับเหมาก่อสร้างก็ควรมีการเทรนและฝึกอบรมเพื่อให้ความรู้สัญญาณมือเครนระดับสากล แก่พนักงานด้วยเช่นเดียวกัน 

บริษัท เอกเครน โลจิสติกส์ จำกัด เราเป็นผู้นำด้านรถโมบายเครน ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเปิดให้บริการเช่ารถเครนมานานกว่า 30 ปี เน้นความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้งานและผู้ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เป็นหลัก พนักงานควบคุมรถเครนของเราทุกคนได้รับการฝึกอบรมการใช้รถเครน สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-745-999 หรือ แอด Line @EKCRANE

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย