Load Test คืออะไร ปั้นจั่น และเครน ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง?

การตรวจสอบ Load Test ปั้นจั่น และเครน ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง?

ในประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ระบุให้นายจ้างต้องการตรวจสอบปั้นจั่น หรือที่หลายคนเรียกกันง่าย ๆ ว่า Load Test ตามน้ำหนักที่กำหนดไว้ เพื่อให้การทำงานทั้งหมดตรงตามข้อบังคับ

Load Test ที่ถูกระบุถึงคืออะไร สำคัญยังไง ทำไมถึงขั้นต้องออกกฎหมายบังคับให้นายจ้างทุกคนปฏิบัติตาม วันนี้ผมจะมาช่วยไขข้อสงสัยให้กับทุกคน ว่าจริง ๆ การทำ Load Test ต้องตรวจสอบและมีข้อกำหนดอะไรบ้าง พร้อมยกตัวอย่างที่จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจง่าย ๆ ด้วยครับ 

Load Test คือ 

Load Test คือ การทดสอบรถเครนหรือปั้นจั่น ว่ารถเครนคันนั้น ๆ สามารถรองรับน้ำหนักได้ตามประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกำหนดไว้หรือไม่ 

ซึ่งการทำ Load Test มีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติงานและทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และตามประกาศที่ได้มีการกำหนดไว้ การทำ Load Test ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของวิศวกรที่มีประสบการณ์การทำงานด้านการทดสอบปั้นจั่น หรือ รถเครน เท่านั้น พร้อมทั้งต้องมีการบันทึกข้อมูลเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐาน 

การตรวจสอบ Load Test ปั้นจั่น และเครน ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง?

เครื่องมือที่ใช้สำหรับการทำ Load Test ปั้นจั่นและเครน

เครื่องมือที่ต้องใช้สำหรับการทำ Load Test ได้แก่ 

  1. รถเครน หรือ ปั้นจั่นที่ต้องการทำการทดสอบ 
  2. วัตถุที่ใช้สำหรับการทำ Load Test เช่น สินค้า เหล็ก ลูกตุ้มน้ำหนักเหล็กสำหรับใช้ทดสอบ และวัสดุทั่วไป ที่สามารถหาได้หน้างาน ทั้งนี้สามารถใช้ได้หมดเลยครับ เพียงแค่ขอให้เป็นวัตถุที่สามารถยกหิ้วได้ และมีน้ำหนักเพียงพอตามที่มาตรฐาน Load Test กำหนดไว้ 
  3. เอกสารรายงานการทดสอบ

ข้อกำหนดสำหรับการทำงาน Load Test 

ระหว่างที่ทำ Load Test ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลจากวิศวกรเท่านั้น และน้ำหนักที่ใช้สำหรับทำ Load Test รถเครน ได้แก่ 

1. รถเครนที่ผ่านการใช้งานแล้ว 

สำหรับรถเครนที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ขนาดไม่เกิน 20 ตัน ต้องทดสอบว่าสามารถรองรับน้ำหนักที่ 1 – 1.25 เท่าของพิกัดยกปลอดภัยได้หรือไม่ 

ส่วนรถเครนที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ขนาดมากกว่า 20 ตัน แต่ไม่เกิน 50 ตัน ต้องทดสอบว่าสามารถรองรับน้ำหนักเพิ่มอีก 5 ตัน จากพิกัดยกปลอดภัยได้

2. รถเครนใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านการใช้งาน 

สำหรับรถเครนใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน ให้ทดสอบว่าสามารถรองรับน้ำหนักที่ 1.25 เท่าของน้ำหนักใช้งานจริงสูงสุดได้หรือไม่ แต่น้ำหนักที่ใช้ทดสอบจะต้องไม่เกินพิกัดยกปล่อยภัยที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ 

ทั้งนี้ในกรณีที่รถเครนไม่ได้มีการกำหนดพิกัดยกปล่อยภัยจากผู้ผลิตจะต้องให้วิศวกรเป็นผู้กำหนดพิกัดยกปล่อยภัยและพิกัดยกสำหรับทำการทดสอบ 

การตรวจสอบ Load Test ปั้นจั่น และเครน ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง?

วิธีการตรวจสอบ Load Test รถเครน

สำหรับการวิธีการทำ Load Test ก็ไม่ได้ยุ่งยากเลยครับ เพียงแค่ใช้รถเครนที่ต้องการทดสอบยกวัตถุตามน้ำหนักที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ซึ่งรถเครนแต่ละชนิดก็จะกำหนดน้ำหนักวัตถุที่ต้องยกแตกต่างกันออกไปตามที่ผมได้บอกไปก่อนหน้านี้ (สามารถใช้ได้ทั้งน้ำหนักจริง หรือ ทดสอบด้วยน้ำหนักจำลองก็ได้เช่นเดียวกันครับ) ซึ่งในปัจจุบันก็มีวิศวกรบางคนที่ไม่ได้ทำ Load Test ตามน้ำหนักที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยใช้การเปรียบเทียบโมเมนต์สำหรับการยกแทน เพราะยิ่งน้ำหนักมากก็ยิ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงตาม 

แต่ผมไม่แนะนำวิธีนี้นะครับ เพราะการเปรียบเทียบโมเมนต์สำหรับการยกไม่สามารถเป็นตัวแทนการทำ Load Test ได้อย่างแท้จริง และการทำ Load Test ที่ไม่ถูกต้องและไม่ครอบคลุม จะทำให้วิศวกรไม่สามารถทราบปัญหาของรถเครนคันนั้น ๆ ได้ 

สรุป

การทำ Load Test ที่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดไว้จะช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยในที่ทำงานและช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน นอกจากนี้การทำ Load Test ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบำรุงรักษารถเครนให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานและสามารถใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น 

ซึ่งข้อสำคัญในการทำ Load Test คือ น้ำหนักวัตถุ และทุกขั้นตอนการทดสอบต้องอยู่ภายใต้การดูแลของวิศวกรที่มีความชำนาญ และผมแนะนำให้ทุกคนคำนึงถึงความปลอดภัยแบบง่าย ๆ คือ ทดสอบน้ำหนักเท่าไหร่ ก็ใช้รถเครนยกวัตถุที่มีน้ำหนักไม่เกินเท่านั้น 

สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดสาระดี ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง รถเครน และปั้นจั่นสามารถติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ EK CRANE เรามีอัปเดตสาระน่ารู้ใหม่ ๆ ให้อยู่เสมอ นอกจากนี้สำหรับผู้ที่สนใจเช่ารถเครนประเภทต่าง ๆ ไว้สำหรับใช้งานทั้งในอุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมอื่น ๆ  เอกเครน โลจิสติกส์ เราผู้นำด้านบริการเช่ารถเครนทุกขนาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี โดยมีทีมงานคอยให้บริการอยู่ตลอด สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :

เช่ารถเครนที่ไหนดี? และสิ่งที่ควรทราบก่อนตัดสินใจเช่ารถเครน

เช่ารถเครนที่ไหนดี? และสิ่งที่ควรทราบก่อนตัดสินใจเช่ารถเครน

สำหรับใครกำลังเผชิญปัญหา เกิดความสับสน และสงสัย ไม่รู้จะเช่ารถเครนที่ไหนดี ควรจะเลือกบริษัทที่ให้บริการเช่ารถเครนยังไงดี  เพราะในปัจจุบันมีหลายบริษัทที่เปิดให้บริการเช่ารถเครน ซึ่งแน่นอนว่าในฐานะผู้ใช้บริการก็ต้องอย่างได้สิ่งที่ดีและเหมาะกับตนเองมากที่สุด วันนี้ผมจะมาแนะนำสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเช่ารถเครน พร้อมทั้งแชร์ 5 เทคนิคที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกบริษัทที่ได้มาตรฐานและได้รถเครนที่ถูกใจ สามารถใช้งานได้ถูกประเภท ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยครับ 

รถเครน คือ 

ก่อนที่จะตัดสินเช่ารถเครนที่ไหนดี ควรจะทำความรู้จักกับรถเครนและประเภทของรถเครนกันก่อนครับ 

รถเครน คือ หนึ่งในเครื่องจักรที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เพราะสามารถใช้ยกวัตถุที่มีน้ำหนักจำนวนมากได้ ซึ่งช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น โดยจะยกวัตถุขึ้นลงตามแนวดิ่งและเคลื่อนย้ายวัตถุที่ยก ในลักษณะแขวนลอยตามแนวราบ ทั้งนี้การใช้รถเครน (บางคนอาจจะเรียกว่าปั้นจั่น) จำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่มีความชำนาญและเคยได้รับการฝึกอบรม ให้ความรู้เรื่องวิธีการใช้งานและกฎระเบียบเกี่ยวกับรถเครนเป็นคนดำเนินการ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง 

รถเครนมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

ในปัจจุบันสามารถแบ่งประเภทรถเครนตามลักษณะการใช้งานออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ 

  1. รถเครนที่สามารถเคลื่อนที่ได้ (Mobile Cranes) จะติดตั้งบนอุปกรณ์ที่สามารถเคลื่อนได้ด้วยตนเอง เช่น รถเครนตีนตะขาบ รถเครนล้อยาง เครนติดรถบรรทุก หรือ รถเครน 4 ล้อ เป็นต้น
  2. รถเครนที่ไม่สามารถเคลื่อนได้ (Satationaty Cranes) มักจะติดตั้งบนขาตั้ง หรือ หอคอสูง เช่น เครนหอสูง เครนราง เครนติดผนัง หรือ เครนขาสูง เป็นต้น 

แชร์! 5 เทคนิค เลือกบริษัทให้บริการเช่ารถเครน ที่ไหนดี? 

หลังจากที่รู้แล้วว่ารถเครนใช้ทำอะไรและมีกี่ประเภท ผมจะมาแชร์เทคนิค เลือกบริษัทเช่ารถเครนที่ไหนดี ที่จะช่วยให้ทุกคนได้รถเครนที่ได้มาตรฐานและตรงกับลักษณะการใช้งาน เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับทุกคน 

1. เลือกบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในรถเครน 

สิ่งแรกที่ผมอยากให้ทุกคนคำนึงก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทเช่ารถเครน คือ ความเชี่ยวชาญของบริษัทนั้น ๆ โดยอาจจะลองศึกษาข้อมูลบริษัท ว่าเปิดให้บริการมานานแค่ไหนแล้ว (ยิ่งนานก็หมายความว่ายิ่งเชี่ยวชาญครับ) พร้อมทั้งลองพูดคุยสอบถามข้อจำกัดหรือข้อสงสัยกับทางบริษัทดูก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการ 

2. เลือกบริษัทที่น่าเชื่อถือ 

หลายคนน่าจะเคยเห็นตามข่าวบนอินเทอร์เน็ตหรือทีวีที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดจากรถเครนกันใช่ไหมครับ ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจใช้บริการเช่ารถเครนบริษัทไหน ผมแนะนำให้เลือกบริษัทที่น่าเชื่อถือโดยอาจจะลองหารีวิวจากผู้ใช้งานจริง หรือ ศึกษาข้อมูลของบริษัท หรือ คุณอาจจะลองเอาชื่อบริษัทที่สนใจไปค้นหาบนอินเทอร์เน็ตว่ามีตัวตนจริง ๆ หรือไม่ เพื่อป้องกันการโดนหลอกด้วยครับ

3. เลือกบริษัทที่มีรถเครนให้บริการหลากหลายประเภท 

บริษัทไหนที่มีประเภทรถเครนไว้ให้บริการหลากหลาย ก็ยิ่งดีครับ เพราะคุณก็จะสามารถเลือกประเภทรถเครนที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานได้ ซึ่งการเลือกรถเครนให้เหมาะกับลักษณะงานถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ อีกหนึ่งอย่างเลยครับ เพราะสามารถช่วยสร้างความปลอดภัยในที่ทำงานได้นั่นเอง 

4. เลือกบริษัทที่ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา 

แน่นอนว่าพนักงานขายก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาก่อนตัดสินใจเช่ารถเครนที่ไหนดีด้วยครับ โดยควรเลือกบริษัทที่พนักงานให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา และสามารถช่วยแนะนำรถเครนแต่ละประเภทให้กับลูกค้าได้ นอกจากนี้การเช่ารถเครนยังต้องคำนึงถึงบริการหลังจากตกลงทำสัญญาเช่าด้วย เพราะถ้าหากรถเครนที่เช่าเกิดปัญหาทั้ง ๆ ที่อยู่ในระหว่างสัญญาเช่า ก็จำเป็นที่จะต้องติดต่อคุยรายละเอียดและวิธีแก้ไขกับพนักงานด้วยครับ 

5. เลือกบริษัทที่คนขับรถเครนได้รับการฝึกอบรม 

การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ขับรถเครนจัดอยู่ในกฎหมายคุ้มครองแรงงานอย่างหนึ่ง นั้นก็เพื่อความปลอดภัยของทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้รถเครน สำหรับบางที่อาจจะไม่มีเจ้าหน้าที่ขับรถเครนที่ได้รับการฝึกอบรมการใช้งานรถเครนอย่างถูกต้อง อาจจะลองมองหาบริษัทที่มีคนขับรถเครนที่ได้รับการฝึกอบรมมาแล้ว ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจและช่วยส่งเสริมปลอดภัยในที่ทำงานด้วยครับ 

สรุป 

เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับ 5 เทคนิค เลือกบริษัทเช่ารถเครน ที่ไหนดี ทุกคนสามารถนำเอาไปปรับใช้การตัดสินใจเลือกบริษัทกันได้ตามความเหมาะสมเลยครับ 

และสำหรับใครที่กำลังมองหาบริษัทที่ให้บริการเช่ารถเครน EK CRANE เราเป็นผู้นำด้านบริการเช่ารถเครนทุกขนาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามานานกว่า 30 ปี สามารถให้บริการรถเครนได้ทั่วประเทศไทย และเรามีรถเครนทุกขนาด ทุกประเภท เพื่อตอบโจทย์การทำงานทุกรูปแบบ พนักงานขับรถเครนของเราทุกคนผ่านการอบรมด้านการทำงาน และมีทีมงานมากประสบการณ์ด้านรถเครนคอยให้บริการอยู่ตลอด สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย

แนวทางการตรวจเครนและปั้นจั่น ให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด อัปเดต 2025

แนวทางการตรวจเครนและปั้นจั่น ให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด

หลายคนน่าจะเคยเห็นข่าวอุบัติเหตุรถเครน หรือ ปั้นจั่น ชำรุดในระหว่างดำเนินงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างกันมาบ้างใช่ไหมครับ ?  แน่นอนว่าถ้าหากเกิดอุบัติเหตุหนึ่งครั้งก็จะตามมาด้วยความเสียหายที่มีมูลค่ามหาศาล ไม่ว่าจะเป็น ความเสียหายที่ได้รับทางร่างกาย หรือ ความเสียหายทางทรัพย์สินก็ตาม และเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิด การทดสอบปั้นจั่นและเครื่องจักรที่ใช้ดำเนินงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่นายจ้างและลูกจ้างทุกคนต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดไว้

และเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในที่ทำงาน ที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ทุกคนสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ วันนี้ผมตั้งใจจะพาทุกคนไปรู้จักกับแนวทางการทดสอบปั้นจั่นที่ถูกต้องตามที่กฎหมายที่ทางกรมสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงานกำหนดไว้ ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูกันเลยครับ 

ทำความรู้จักกับการทดสอบปั้นจั่น 

เครน หรือ ปั้นจั่น เป็นหนึ่งในเครื่องจักรที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เพราะสามารถอำนวยความสะดวกในการดำเนินงาน ช่วยทุ่นแรง และเคลื่อนย้ายวัตถุที่มีน้ำหนักมากได้ โดยทางกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้มีประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบส่วนประกอบและอุปกรณ์ของปั้นจั่น ในปี 2554 เพื่อเป็นแนวทางดำเนินการทดสอบปั้นจั่นให้กับนายจ้างและวิศวกร ซึ่งการทดสอบปั้นจั่นตามที่กฎหมายกำหนดจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในที่ทำงานให้กับทุก ๆ ฝ่าย 

การตรวจสอบและการทดสอบปั้นจั่นต้องทำอะไรบ้าง 

สำหรับการทดสอบปั้นจั่นผมขอแยกออกเป็น  3 ข้อใหญ่ ๆ  ได้แก่

1. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรายละเอียดสำหรับทดสอบปั้นจั่น 

กฎหมายและหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบปั้นจั่นมีอยู่ 2 อย่าง ได้แก่ 

  • ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบส่วนประกอบและอุปกรณ์ของปั้นจั่น 2554 
  • กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ 2564 

ทั้งนี้การทดสอบปั้นจั่นต้องดำเนินการโดยวิศวกรเท่านั้น โดยต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงและประกาศของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน 

2. เอกสารรายงานการทดสอบปั้นจั่น 

นายจ้างจำเป็นที่จะต้องมีเอกสารเพื่อยืนยันว่าตนเองปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเอกสารที่ใช้ยืนยัน ได้แก่

  • รายงานการทดสอบปั้นจั่น โดยต้องได้รับการับรองจากวิศวกรเครื่องกล ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเท่านั้น
  • สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม
  • ภาพถ่ายของวิศวกรในขณะทำการทดสอบส่วนประกอบและอุปกรณ์ของปั้นจั่น 

3. ความถี่ในการทดสอบปั้นจั่น 

สำหรับความถี่ในการทดสอบสามารถแบ่งได้ตามประเภทและลักษณะการใช้งานครับ โดยแบ่ง 4 ประเภท ได้แก่ 

  • ปั้นจั่นที่ใช้สำหรับงานก่อสร้าง 

สำหรับปั้นจั่นที่ใช้ในงานก่อสร้างที่ผู้ผลิตกำหนดพิกัดยกปลอดภัยไม่เกิน 3 ตัน กำหนดให้มีการทดสอบทุก ๆ 6 เดือน และ ปั้นจั่นที่ใช้ในงานก่อสร้างที่ผู้ผลิตกำหนดพิกัดยกปลอดภัยมากกว่า 3 ตัน แต่ไม่เกิน 50 ตัน กำหนดให้มีการทดสอบทุก ๆ 3 เดือน 

  • ปั้นจั่นที่ใช้สำหรับงานอื่น ๆ 

สำหรับปั้นจั่นที่ใช้ในงานอื่น ๆ ที่ผู้ผลิตกำหนดพิกัดยกปลอดภัยไม่เกิน 3 ตัน กำหนดให้มีการทดสอบทุก ๆ 1 ปี และ ปั้นจั่นที่ผู้ผลิตกำหนดพิกัดยกปลอดภัยมากกว่า 3 ตัน แต่ไม่เกิน 50 ตัน กำหนดให้มีการทดสอบทุก ๆ 6 เดือน และ ปั้นจั่นที่ผู้ผลิตกำหนดพิกัดยกปลอดภัยมากกว่า 50 ตัน กำหนดให้มีการทดสอบทุก ๆ 3 เดือน 

  • ปั้นจั่นที่ไม่มีพิกัดยกปลอดภัย 

สำหรับปั้นจั่นที่ผู้ผลิตไม่ได้กำหนดพิกัดยกปลอดภัยไว้ นายจ้างต้องให้วิศวกรเป็นผู้กำหนดพิกัดยกปลอดภัย รายละเอียดวิธีการใช้งาน วิธีเก็บรักษาและซ่อมบำรุง รวมไปถึงความถี่ในการทดสอบเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน 

  • ปั้นจั่นที่ชำรุด หรือ หยุดใช้งาน 

สำหรับปั้นจั่นที่เพิ่งซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อย หรือ ปั้นจั่นที่หยุดใช้งานมากเป็นระยะเวลานานเกิน 6 เดือน กฎหมายกำหนดให้มีการทดสอบใหม่ก่อนนำไปใช้งานจริง 

น้ำหนักวัตถุที่ใช้สำหรับทดสอบปั้นจั่น 

แน่นอนครับว่าการทดสอบปั้นจั่นต้องเกี่ยวข้องกับน้ำหนักวัตถุ โดยน้ำหนักวัตถุที่ใช้สำหรับทดสอบปั้นจั่นจะเป็นตามอายุการใช้งาน ได้แก่ 

1. ปั้นจั่นที่ผ่านการใช้งานแล้ว 

กฎหมายกำหนดให้นายจ้างทดสอบการรับน้ำหนักของเครนที่ 1.25 เท่าของน้ำหนักที่ใช้งานจริงสูงสุด โดยไม่เกินพิกัดยกปลอดภัยที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ และสำหรับปั้นจั่นที่ผู้ผลิตไม่ได้กำหนดพิกัดยกปลอดภัย นายจ้างต้องให้วิศวกรเป็นผู้กำหนดพิกัดยกในการทดสอบปั้นจั่น 

2. ปั้นจั่นใหม่ 

  • ปั้นจั่นที่ผู้ผลิตกำหนดพิกัดยกปลอดภัยไว้ ไม่เกิน 20 ตัน ให้ทดสอบการรองรับน้ำหนักที่ 1 เท่า และไม่เกิน 1.25 เท่า 
  • ปั้นจั่นที่ผู้ผลิตกำหนดพิกัดยกปลอดภัยไว้ มากกว่า 20 ตัน แต่ไม่เกิน 50 ตัน  ให้ทดสอบการรองรับน้ำหนักเพิ่มอีก 5 ตัน จากค่าพิกัดยกปลอดภัยที่กำหนดไว้ 

สรุป 

เพราะการทดสอบปั้นจั่นเป็นตัวช่วยที่จะเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงาน ช่วยลดความรุนแรง และลดมูลค่าความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ผมแนะนำให้ทุกคนให้ความสำคัญและปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพราะถ้าหากนายจ้างคนไหนที่ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรืออาจจะทั้งจำทั้งปรับเลยก็ได้นะครับ 

สุดท้ายนี้ถ้าหากคุณไม่อยากพลาดข่าวสาร และสาระดี ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง รถเครน และปั้นจั่นสามารถติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ EK CRANE เรามีอัปเดตสาระน่ารู้ใหม่ ๆ ให้อยู่เสมอ 

เอกเครน โลจิสติกส์ ผู้นำด้านบริการเช่ารถเครนทุกขนาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เรามีทีมงานตลอดให้บริการอยู่ตลอด สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย

การวางแผนการยก Lifting Plan ในงานก่อสร้าง พร้อมแบบฟอร์มฟรี

การวางแผนการยก Lifting Plan ในงานก่อสร้าง

อยากที่ทุกคนทราบกันดีกว่ารถเครน หรือที่อีกคนหลายคนเรียกว่า ปั้นจั่น เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ทุ่นแรงที่สามารถช่วยยกวัตถุที่มีน้ำหนักมาก ๆ ได้ และนิยมใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งแน่นอนครับ ว่าการใช้รถเครนมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ถ้าหากไม่ได้มีการวางแผน Lifting Plan อย่างครอบคลุม 

วันนี้ทางทีม Ek Crane จึงอยากจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับการวางแผนการยกปั้นจั่น หรือ Lifting Plan ที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยครับ  

ทำความรู้จัก Lifting Plan (การวางแผนการยกปั้นจั่น) 

การทำ Lifting Plan คือ การสรุปขั้นตอนการใช้รถเครนทุกขั้นตอน พร้อมทั้งหาวิธีหลีกเลี่ยงและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น ทำให้การทำ Lifting Plan จำเป็นต้องมีการออกแบบและเขียนขึ้นโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ วัตถุที่ยก และกฎหมาย เป็นหลัก นอกจากนี้การทำ Lifting Plan ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น 

องค์ประกอบสำหรับ Lifting Plan 

  1. ความเหมาะสม 

การเลือกประเภทรถเครน หรือ อุปกรณ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตะขอ หรือ สลิง จำเป็นต้องเลือกให้เหมาะสมกับน้ำหนักวัตถุ เพื่อความปลอดภัยระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งการเลือกประเภทรถเครนที่สามารถรองรับน้ำหนักวัตถุได้เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม 

  1. น้ำหนัก

การทำ Lifting Plan จำเป็นต้องระบุน้ำหนักวัตถุที่จะเคลื่อนย้ายไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัย นอกจากน้ำหนักของวัตถุแล้ว อย่าลืมที่จะคำนึงถึงขนาด ลักษณะ รูปทรง และข้อควรระวังพิเศษ เช่น เป็นวัตถุที่แตกหักง่าย หรือ เป็นวัตถุไวไฟ เป็นต้น

  1. เส้นทาง และ พื้นที่ 

ถ้าหากคุณต้องการทำ Lifting Plan ที่ดี คุณจำเป็นที่จะต้องกำหนดเส้นทางที่รถเครนเคลื่อนผ่าน เพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะถ้าหากจำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่สัญจรสาธารณะร่วมกับผู้อื่น คุณควรระบุสิ่งกีดขวางไว้อย่างชัดเจน การกำหนดเส้นทางและพื้นที่ไว้อย่างชัดเจนนอกจากจะช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังทำให้สามารถคำนวณเวลาและสามารถคาดคะเนระยะเวลาสำหรับปฏิบัติงานได้อีกด้วย 

วางแผนการยก Lifting Plan
  1. ปฏิบัติตามมาตรฐาน และ ข้อกำหนด 

คือ การตรวจสอบว่า Lifting Plan ที่ทำขึ้นมาเป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับ และมาตรฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถเครน เช่น กฎหมายและข้อบังคับของประเทศไทยที่ระบุเกี่ยวกับการใช้งานรถเครน หรือ การเคลื่อนย้ายวัตถุที่มีน้ำหนักมาก หรือ มาตรฐานที่มีการกำหนดไว้ในระดับสากล 

  1. ชี้แจงแผนการทำงานให้กับพนักงาน 

หลังจากคุณที่ได้มีการจัดทำ Lifting Plan และ ได้มีการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ควรมีการชี้แจงรายละเอียด ขั้นตอนการทำงาน กฎหมาย รวมไปถึงข้อควรระวังต่าง ๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน เช่น เจ้าหน้าที่บังคับเครน เจ้าหน้าที่ให้สัญญาณมือ พนักงานขนของ และ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งการชี้แจงแผนการทำงานที่ถูกต้องชัดเจนจะช่วยลดข้อผิดพลาดระหว่างปฏิบัติหน้าที่

  1. ตรวจสอบอุปกรณ์

ก่อนการใช้งานรถเครนทุกครั้งควรมีการตรวจสอบความพร้อมรถเครนและอุปกรณ์ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สลิง ตะขอ และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ในการยก ทั้งนี้ถ้าหากเจออุปกรณ์ที่ต้องได้รับการซ่อมบำรุงควรส่งไปซ่อมก่อน ไม่ควรฝืนใช้งาน เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้ 

ดาวน์โหลดแบบฟอร์มสำหรับการวางแผน Lifting Plan ฟรี!

สำหรับผู้ที่ต้องการแบบฟอร์มสำหรับการวางแผน Lifting Plan สามารถทำการดาวน์โหลดได้ที่ >>> แบบฟอร์ม Lifting Plan

ขอบคุณเว็บไซต์ www.craneprofessional.in.th สำหรับข้อมูลแบบฟอร์ม Lifting Plan

Lifting Plan มีประโยชน์อย่างไร ?  

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ แต่จริง ๆ แล้วการทำ Lifting Plan ถือว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็น และมีประโยชน์เป็นอย่างมากเลยครับ ซึ่งประโยชน์ของ Lifting Plan ได้แก่

  • เพิ่มความปลอดภัยระหว่างปฏิบัติงานให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ 
  • เพิ่มความปลอดภัยให้กับวัตถุที่ต้องการเคลื่อนย้าย 
  • เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมั่นใจ ทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น 
  • ช่วยลดปัญหาด้านกฎหมายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้าหากปฏิบัติตามแผนที่กำหนดไว้ 
  • สามารถปรับปรุงและแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที
ข้อดีของการวางแผนการยก Lifting Plan

สรุป 

สุดท้ายนี้ผมจึงข้อสรุปว่าการทำ Lifting Plan ถือเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญและจำเป็นที่จะต้องทำทุกครั้ง เพราะสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยลดปัญหาด้านกฎหมายที่อาจจะตามมา และยังช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยการทำ Lifting Plan ผมแนะนำว่าควรทำอย่างรอบคอบ เพื่อให้แผนครอบคลุมกระบวนการทำงานทั้งหมด

ที่สำคัญไม่ควรเสี่ยงใช้รถเครนยกวัตถุที่มีน้ำหนักมาก ๆ โดยไม่มีการวางแผนก่อน เพราะการใช้รถเครนจำเป็นต้องใช้ทักษะความรู้ ความชำนาญ และการจัดการอย่างระมัดระวัง ซึ่งการใช้รถเครนโดยไม่มีการวางแผนก่อนอาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับเจ้าหน้าที่ วัตถุ อุปกรณ์ และตัวรถเครนเองได้ครับ 

ติดตามข่าวสาร ข้อมูล ความรู้ และสาระดี ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง รถเครน และปั้นจั่นสามารถติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ EK CRANE เรามีอัปเดตสาระน่ารู้ใหม่ ๆ ให้อยู่เสมอ นอกจากนี้สำหรับผู้ที่สนใจเช่ารถเครนประเภทต่าง ๆ เอกเครน โลจิสติกส์ ผู้นำด้านบริการเช่ารถเครนทุกขนาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เรามีทีมงานตลอดให้บริการอยู่ตลอด สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย

การใช้เครนอย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัย และบำรุงรักษา

ปั้นจั่น หรือ เครน เป็นหนึ่งในเครื่องจักรที่นิยมเป็นอย่างมากในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และ อุตสาหกรรมอื่น ๆ เพราะสามารถช่วยทุ่นแรงในกระบวนการขนย้ายสิ่งของได้ และ สามารถขนย้ายสิ่งของที่มนุษย์ไม่สามารถเคลื่อนย้ายด้วยตัวเองได้ และแน่นอนว่าในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครน ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจมากเป็นอันดับต้น ๆ วันนี้ผมจึงจะมาแนะนำวิธีการใช้เครนอย่างถูกวิธี เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุในที่ทำงานลง ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูการใช้เครนอย่างถูกวิธีไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า 

วิธีการใช้งานเครนอย่างถูกวิธี 

อย่างที่ผมได้กล่าวไปก่อนข้างหน้านี้ว่าความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ในการปฏิบัติงาน การใช้งานเครนให้ถูกวิธีจริงเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน โดยวิธีการใช้งานเครนอย่างถูกวิธี มีดังนี้ 

1. เลือกใช้งานเครนให้ถูกประเภท 

เครน หรือที่หลายคนเรียกว่า ปั้นจั่น มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเคลื่อนย้ายสิ่งของ หรือ ขนส่งสินค้าเท่านั้น นั่นดังไม่ควรที่นำเครนไปใช้งานผิดประเภท เช่น การขึ้นลงโดยสาร เพราะการใช้งานเครนผิดประเภทสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อทรัพย์สินและชีวิตได้นั่นเองครับ 

2. ตรวจสอบความพร้อมก่อนใช้งานทุกครั้ง 

ทุกครั้งก่อนใช้งานเครนผู้ควบคุมเครนควรตรวจเช็กสภาพว่าเครนอยู่ในสภาพพร้อมใช่งาน ชิ้นส่วนต่าง ๆ สามารถทำงานได้ปกติหรือไม่ มีส่วนไหนที่เกิดความเสียหายหรือชำรุดที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายระหว่างปฏิบัติงานหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น ทั้งนี้ถ้าหากพบว่าเครนชำรุด หรือ มีชิ้นส่วนที่ไม่สามารถใช้งานได้ปกติ ผมแนะนำว่าไม่ควรใช้งานเครนนั้น ๆ ควรนำไปแก้ไขหรือบำรุงรักษาให้เรียบร้อยแล้วจึงนำกลับมาใช้งานใหม่ครับ 

3. ผู้ควบคุมเครนต้องมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับเครน

การจะใช้งานเครนอย่างถูกวิธีได้ ผู้ควบคุมเครนจำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับเครนครับ โดยบริษัทควรมีการอบรมให้ความรู้การใช้เครนอย่างถูกวิธีกับผู้ควบคุมเครนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และ ปัจจุบันผู้ควบคุมเครนจำเป็นต้องมีใบเซอร์เครนเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินทั้งของตนเองและผู้อื่นครับ ทั้งนี้ถ้าหากว่าผู้ใช้งานเครนไม่มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานเครน ห้ามแตะต้องหรือใช้งานเครื่องจักรโดยเด็ดขาด 

การใช้เครนอย่างถูกวิธี

4. หลีกเลี่ยงการใช้เครนยกวัตถุที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานกำหนดไว้

นอกจากประเภทการใช้งานของเครนที่ต้องคำนึงแล้ว น้ำหนักของวัตถุที่เครนสามารถยกได้ก็สำคัญไม่แพ้กันครับ ผมจึงแนะนำให้ตรวจสอบน้ำหนักที่เครนสามารถยกได้ทุกครั้งก่อนใช้งาน เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติงาน ที่มีสาเหตุมาจากใช้เครนยกวัตถุน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานกำหนดไว้ และรวมไปถึงไม่ควรนำวัตถุวางซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น เพราะอยากให้งานเสร็จเร็ว ๆ ด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายระหว่างขนย้ายวัตถุได้ครับ 

5. หลีกเลี่ยงการยกวัตถุค้างไว้บนอากาศนาน ๆ 

การใช้เครนอย่างถูกวิธีไม่ควรใช้เครนยกวัตถุขึ้นสูงแล้วค้างไว้บนอากาศนาน ๆ เพราะอาจจะทำให้ตัวเครนรองรับน้ำหนักมากเกินไป และทำให้เครนพัง หรือ หัก ในที่สุด และถ้าหากเกิดเหตุการณ์ตามที่ได้กล่าวมาสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ได้ 

6. ก่อนใช้งานเครนทุกครั้งต้องแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้อง

ก่อนใช้งานเครนทุกครั้งจำเป็นต้องแจ้งผู้อื่น หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่กำลังปฏิบัติงานในบริเวณรอบ ๆ ก่อนเสมอ ว่าจะกระทำสิ่งใด และ อย่างไร เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในที่ทำงาน

7. หากพบสิ่งผิดปกติต้องหยุดใช้งานเครนทันที 

ในระหว่างที่กำลังใช้งานเครนถ้าหากเกิดเหตุขัดข้อง สิ่งผิดปกติ หรือ ได้ยินเสียงที่ผิดปกติที่มาจากเครนที่ใช้งานอยู่ ควรหยุดใช้งานเครนทันที และจึงตรวจสอบว่าเหตุขัดข้องที่เกิดมีสาเหตุมาจากอะไร เพื่อช่างจะได้สามารถแก้ไขและซ่อมบำรุงได้อย่างตรงจุด 

8. ห้ามแกล้งหรือเล่นกันในระหว่างใช้งานเครน 

การแกล้งหรือเล่นกันในระหว่างที่เครนทำงาน เช่น การโยกตัวยกไปมาในขณะที่เครนกำลังยกวัตถุขึ้นสูงอยู่บนอากาศ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำโดยเด็ดขาด เพราะสามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุที่อาจจะร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต

9. จัดเก็บเครนทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ

การใช้เครนอย่างถูกวิธีอย่างสุดท้าย คือ การเคลื่อนย้ายเครนไปยังตำแหน่งที่กำหนดไว้ทุกครั้ง พร้อมทั้งทำการตัดไฟที่ปุ่มสวิตซ์หลัก เพื่อป้องกันเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและตัดโอกาสเครนทำงานเองในขณะไม่มีผู้ใช้งาน 

ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหากใช้งานเครนผิดวิธี

ถ้าใช้งานเครนผิดวิธีจะเกิดอันตรายอย่างไร 

หลังจากที่รู้การใช้เครนอย่างถูกวิธีแล้ว มาลองดูกันว่าถ้าหากใช้งานเครนผิดวิธี สามารถก่อให้เกิดอันตรายอะไรได้บ้าง โดยถ้าหากผู้ควบคุมใช้งานเครนผิดวิธี จะก่อให้เกิดอันตราย ดังต่อไปนี้ 

1. ความเสียหายต่ออวัยวะ 

บางครั้งการเกิดอุบัติเหตุในระหว่างปฏิบัติงานอาจจะทำให้ผู้ประสบเหตุกลายเป็นบุคคลทุพพลภาพ ส่งผลให้ไม่สามารถใช้ชีวิตและปฏิบัติงานได้ตามปกติ ซึ่งทำให้ผู้ประสบเหตุศูนย์โอกาสหลาย ๆ อย่างในชีวิต เช่น ความก้าวหน้าในที่ทำงาน เป็นต้น 

2. ความเสียหายต่อชีวิต

การเสียชีวิตของพนักงานในระหว่างปฏิบัติงานที่มีสาเหตุมาจากความประมาทและอุบัติเหตุที่เกิด เป็นความเสียหายที่รุนแรงมากที่สุด และเป็นความเสียหายที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ นอกจากนี้เป็นเหตุการณ์ที่ทุกองค์กรไม่ต้องการให้เกิด

3. ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 

การเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้ง อย่างน้อยที่สุดทรัพย์สินบางอย่างต้องได้รับความเสียหาย ซึ่งบริษัทต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเครนและทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ถ้าหากมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น บริษัทอาจจะต้องจ่ายค่ารักษาพยายามอีกด้วย 

ข้อแนะนำหลังใช้เครน 

  • นำเครน และ อุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เก็บตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ 
  • ปิดสวิตซ์หลักในการใช้งาน เพื่อตัดไฟฟ้า 
  • จดบันทึกรายงานการปฏิบัติงาน 
  • หากพบปัญหาให้แจ้งบริษัทผู้ผลิตเพื่อซ่อมแซมและป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุในการใช้งานครั้งต่อไป 

สรุป

การใช้เครนอย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติงาน ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยสร้างความอุ่นใจ มั่นใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องทุกคน ส่งผลให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ถ้าหากพบว่ามีระหว่างที่ใช้งานเครนมีสิ่งผิดปกติ หรือ เกิดเหตุขัดข้อง ควรหยุดใช้งานทันที เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นครับ 

และสำหรับใครที่ไม่อยากพลาดสาระดี ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง รถเครน และปั้นจั่นสามารถติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ EK CRANE เรามีอัปเดตสาระน่ารู้ใหม่ ๆ ให้อยู่เสมอ นอกจากนี้สำหรับผู้ที่สนใจเช่ารถเครนประเภทต่าง ๆ เอกเครน โลจิสติกส์ ผู้นำด้านบริการเช่ารถเครนทุกขนาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เรามีทีมงานตลอดให้บริการอยู่ตลอด สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย

อัปเดต 2568 กฎหมายกระทรวงแรงงานในการใช้ ปั้นจั่น เครื่องจักร (กฎหมายปั้นจั่น)

อัปเดตกฎหมายกระทรวงแรงงานในการใช้ ปั้นจั่น เครื่องจักร

อัปเดตกฎหมายปั้นจั่นในปี 2568 โดยปัจจุบันนั้นประเทศไทยยังคงใช้ กฎหมายปั้นจั่น 2564 ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบันเป็นหลัก สำหรับใครที่ทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างที่จำเป็นต้องเกี่ยวข้อง หรือ มีการใช้งานปั้นจั่น หรือ รถเครน ผมแนะนำว่าจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับกฎหมายและข้อบังคับที่กระทรวงได้มีการกำหนดไว้ก่อนครับ

สำหรับคนที่ต้องการตรวจสอบกฎหมายตัวเต็ม สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ใน กฎหมายปั้นจั่น 2564 เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ปฏิบัติหน้าที่เองและทุกคนที่มีส่วนร่วมครับ 

โดยบทความนี้ผมได้สรุปกฎหมายปั้นจั่น 2564 ฉบับล่าสุด พร้อมทั้งตอบคำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับกฎหมายปั้นจั่น 2564 ถ้าพร้อมแล้วไปดูพร้อมกันเลยดีกว่าครับว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงบ้าง 

ทำความรู้จักกับ ‘กฎหมายปั้นจั่น’ ฉบับล่าสุดจากกระทรวงแรงงาน

บางคนอาจจะยังไม่รู้ใช่ไหมครับ ว่ากฎหมายปั้นจั่น หรือกฎหมายการใช้งานปั้นจั่น และเครื่องจักรอุตสาหกรรมฉบับ 2564 คืออะไร แล้วหมายถึงอะไร วันนี้ผมจะช่วยสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ เองครับ 

กฎหมายปั้นจั่น 2564 คือ มาตรฐานและข้อบังคับที่กระทรวงได้มีการกำหนด เพื่อใช้บริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครื่องจักร หม้อน้ำ และปั้นจั่น (หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า รถเครน) ซึ่งเป็นข้อกำหนดให้นายจ้างบริหารจัดการและดูแลความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อให้ลูกจ้างมีความปลอดภัยในการทำงานมากขึ้นนั่นเองครับ 

อัปเดตกฎหมายการใช้ปั้นจั่นฉบับล่าสุด

อัปเดต กฎหมายกระทรวงแรงงานในการใช้ เครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ากฎหมายปั้นจั่นมีมาหลายปีแล้ว โดยฉบับล่าสุด ได้แก่ กฎหมายปั้นจั่น 2564 ที่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 6 สิงหาคม และดำเนินการบังคับใช้เมมื่อพ้นกำหนด 90 วัน ซึ่งคือมีผลตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2564 นั่นเอง

โดยกฎกระทรวงฉบับนี้จะครอบคลุมถึงเครื่องจักร 6 ประเภท ได้แก่

1.เครื่องจักรสำหรับยกคนทำงานขึ้นที่สูง

2.รอก

3.รถยก

4.ลิฟต์

5.เครื่องเชื่อมก๊าซ แลพเครื่องเชื่อมไฟฟ้า

6.เครื่องปั้มโลหะ

ครอบคลุมปั้นจั่น 3 ประเภท

1.ปั้นจั่นเหนือศีรษะและปั้นจั่นขาสูง

2.ปั้นจั่นหอสูง

3.รถปั้นจั่นหรือเรือปั้นจั่น

ครอบคลุมหม้อน้ำ 4 ประเภท

1.หม้อน้ำ

2.หม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน

3.ภาชนะรับความดัน

4.ภาชนะบรรจุก๊าซรับความดัน

ซึ่งรายละเอียดของกฎหมายปั้นจั่น 2564 ก็มีทั้งปรับเพิ่มและปรับลดข้อบังคับค่อนข้างหลายข้อกันเลยทีเดียว แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะผมก็ได้เตรียมสรุปคร่าว ๆ ไว้ให้ทุกคนข้างล่างนี้แล้ว ไปดูพร้อมกันเลยดีกว่า

1. หมวกที่ 1 เครื่องจักร

  • ส่วนที่ 1 บททั่วไป ข้อ 9 เครื่องจักรต้องมีการตรวจสอบประจำปีก่อนใช้งาน 
  • ส่วนที่ 3 เครื่องเชื่อมไฟฟ้าและเครื่องเชื่อมก๊าซ ข้อ 11 ในบริการที่ทำงานต้องมีการติดตั้งวิธีการทำงานของเครื่องปั๊มโลหะ เครื่องตัด เครื่องกลึง เครื่องตัด เครื่องขัด ฯลฯ 
  • ส่วนที่ 6 เครื่องจักรสำหรับใช้ในการยกคนขึ้นทำงานที่สูง ข้อ 12 เครื่องจักรที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายจำเป็นต้องมีการประเมินอันตราย 

2. หมวกที่ 2 ปั้นจั่น

  • ส่วนที่ 1 บททั่วไป ข้อ 58 นายจ้างต้องจัดให้มีการทดสอบอุปกรณ์และส่วนประกอบของปั้นจั่นอย่างน้อย 1 ครั้ง/ปี และต้องมีสำเนาเอกสารการทดสอบไว้ให้พนักงานตรวจสอบความปลอดภัยสามารถตรวจสอบได้ 
  • ส่วนที่ 1 บททั่วไป ข้อ 60 สำหรับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับปั้นจั่นที่ใช้เครื่องยนต์ นายจ้างต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด ต่อไปนี้ 
  1. จัดให้มีที่ครอบปิดหรือฉนวนหุ้มท่อไอเสีย
  2. จัดให้มีถังเก็บเชื้อเพลิงและต้องติดตั้งท่อส่งเชื้อเพลิงที่อยู่ในลักษณะที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์เชื้อเพลิงหก รั่ว หรือล้นออกมา
  3. กำหนดมาตรการการจัดเก็บและเครื่องย้ายเชื้อเพลิงสำรองที่มีความปลอดภัย 
  • ส่วนที่ 1 บททั่วไป ข้อ 62 นายจ้างต้องไม่ให้ลูกจ้างใช้ปั้นจั่นที่ชำรุด เสียหาย หรืออยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมปฏิบัติงาน 
  • ส่วนที่ 2 ปั้นจั่นเหนือศีรษะและปั้นจั่นขาสูง ข้อ 75 สำหรับนายที่ให้ลูกจ้างขึ้นไปทำงานบนปั้นจั่นที่มีความสูงเกิน 2 เมตร ต้องมีบันไดพร้อมราวจับ และโครงโลหะกันตก หรือ อุปกรณ์เซฟตี้อื่น ๆ ที่สามารถเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับลูกจ้างในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้ ตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานฯ
  • ส่วนที่ 3 ปั้นจั่นหอสูง ข้อ 77 สำหรับปั้นจั่นที่มีรางล้อเลื่อนที่ ที่อยู่บนแขนปั้นจั่น กฎกำหนดว่านายจ้างจำเป็นต้องมีการติดตั้งสวิตซ์หยุดการทำงานของปั้นจั่นโดยอัตโนมัติ และ มีกันชนหรือกันกระแทกที่ปลายสองข้างของราว 

3. หมวกที่ 3 หม้อน้ำ

  • ส่วนที่ 1 บททั่วไป ข้อ 100 สำหรับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ที่รับผิดชอบควบคุมหม้อต้มหรือหม้อน้ำที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน จำเป็นต้องผ่านการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้งานและความปลอดภัย และจำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
  • ส่วนที่ 2 หม้อน้ำ ข้อ 107 ในการติดตั้งหม้อน้ำนายจ้างต้องมีการทดสอบตามที่คู่มือกำหนด และต้องมีวิศวกรคอยดูแลควบคุมระหว่างติดตั้ง 
  • ส่วนที่ 2 หม้อน้ำ ข้อ 108 นายจ้างต้องใช้น้ำที่ได้มาตรฐาน และ มีการควบคุมคุณภาพน้ำ ที่ใช้ในหม้อน้ำ โดยน้ำที่ใช้ต้องได้มาตรฐานตามที่กฎ ASME, EN, ISO, JIS หรือ ตามหลักวิศวกรรม 
กฎหมายปั้นจั่นมีอะไรบ้าง มีผลบังคับใช้เมื่อไร

กฎหมาย ปั้นจั่นฉบับปี 2564 มีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ 

เมื่อมีการอัปเดตกฎหมายปั้นจั่น 2564 มาใหม่ทำให้หลายคนเกิดความสับสนว่าแล้วกฎที่กระทรวงออกมาจะมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ใช่ไหมครับ  กฎหมายปั้นจั่น 2564 มีผลบังคับใช้หลังพ้นกำหนด 90 วัน โดยนับตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2564 เท่ากับว่าเรามีการกำหนดใช้งานในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 นั่นเอง

สรุป

หลังจากที่ได้อ่านบทความอัปเดต กฎหมายปั้นจั่น 2564 ผมหวังว่าทุกคนจะได้รับข้อมูล ข่าวสาร และสามารถใช้งานปั้นจั่น หรือ เครน ได้ถูกวิธี ถูกต้องตามที่กฎกระทรวงกำหนดไว้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติหน้าที่และผู้ที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดสาระดี ๆ เกี่ยวกับการใช้งานปั้นจั่น สามารถติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ EK CRANE คลิกเลยครับ!

สำหรับผู้ที่สนใจเช่ารถเครนประเภทต่าง ๆ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เอกเครน โลจิสติกส์ ผู้นำด้านบริการเช่ารถเครนทุกขนาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย