บริการให้เช่ารถเครน 50 ตัน | EK CRANE

บริการให้เช่ารถเครน 50 ตัน | EK CRANE
50-ton-crane

หากสนใจเช่ารถเครน 50 ตัน เพื่อใช้ในไซต์งานหรือการก่อสร้างต่างๆ ทาง EK CRANE มีรถเครนให้เช่า พร้อมใช้งานโดยให้บริการพร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญทุกขั้นตอนตั้งแต่การวางแผนงานไปจนถึงการปฏิบัติจริง มีตัวอย่างผลงานที่ผ่านมารับประกันความน่าเชื่อถือเครน 50 ตัน ใช้ประโยชน์ได้มากมายในไซต์ก่อสร้าง หากต้องการใช้เครน 50 ตันเพื่อช่วยงาน ขนย้ายวัสดุต่างๆ สามารถดูรายละเอียดรถเครนของเราและบริการต่างๆได้ตามข้อมูลด้านล่าง

สเปครถเครน 50 ตัน

50-ton-crane-usage

รถเครน 50 ตัน ของ EK CRANE เป็นราฟเทอเรนเครน (Rough Terrain Crane) ซึ่งมีล้อที่เหมาะกับพื้นที่ขรุขระแม้จะไม่เท่ารถเครนตีนตะขาบ แต่มีความคล่องตัวมากกว่า มีสเปคดังนี้

  • น้ำหนักที่ยกได้: 50 ตัน
  • รัศมีการทำงาน: 34 เมตร
  • ความสูงในการยก: 42 เมตร
  • เพลาขับเคลื่อน: 2 เพลา
  • แคบินเดี่ยว มีที่นั่งคนขับที่เดียว
  • ขนาดโดยรวมค่อนข้างกะทัดรัด
  • ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ทำให้เคลื่อนที่ได้สะดวกรวดเร็วและหมุนได้รอบทิศ
  • มีความคล่องตัวสูงด้วยขนาด น้ำหนักที่เบาและระบบขับเคลื่อน
  • มีบูมไฮดรอลิกทำให้แขนเครนสามารถยืดหดระหว่างยกชิ้นงานได้ เพิ่มความคล่องตัวและสะดวกในการยกสิ่งของต่างๆ
  • มีความปลอดภัยสูง ได้รับการตรวจเช็คสม่ำเสมอ

ทั้งนี้เป็นคุณสมบัติเครน 50 ตันคร่าวๆ หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมหรือรู้สึกว่าราฟเทอเรน เครน 50 ตันยังไม่ตอบโจทย์ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมได้ที่ @EKCRANE

รูปแบบการใช้งานของเครน 50 ตัน

เครน 50 ตันเป็นราฟเทอเรนเครนขนาดกลางแต่ยังนับว่ามีความคล่องตัวสูง มีงานที่เหมาะสมกับการใช้งานดังนี้

  • เหมาะสำหรับพื้นที่แคบหรือใช้งานในเมือง – ด้วยการออกแบบที่กะทัดรัดของราฟเทอเรนขนาดกลาง ทำให้เครน 50 ตันสามารถใช้งานในเมืองได้อีกทั้งตัวถังเครนมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายไม่ยาก
  • ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคา – สามารถใช้เครน 50 ตันติดตั้งโซลาร์รูฟได้เพราะสามารถยกของได้สูงถึง 42 เมตร และเครนประเภทนี้สามารถใช้ในตัวเมืองได้
  • งานไซต์ก่อสร้างหรือต่อเติมโรงงาน – เครนประเภทนี้สามารถเคลื่อนที่ในไซต์งานได้สะดวกรวดเร็ว ทั้งยังยกสิ่งของได้ถึง 50 ตันจึงเหมาะกับการทำงานในไซต์ก่อสร้างหรือต่อเติมโรงงานมาก
  • งานติดตั้งชิ้นส่วน – แม้เครน 50 ตันจะมีขนาดกลางแต่ยังสามารถทำงานในโรงงานได้จึงเหมาะกับการใช้เป็นเครนติดตั้งชิ้นส่วน และสามารถทำงานติดตั้งชิ้นส่วนนอกโรงงานได้เช่นกัน
  • ใช้งานในพื้นที่ขรุขระ – ราฟเทอเรนเครนมีความสามารถในการทำงานในพื้นที่ขรุขระ แม้ติดหล่นก็สามารถออกมาด้วยตัวเองได้

บริการรถเครน 50 ตันของ EK CRANE

50-ton-crane-rental

รถเครน 50 ตันของ EK CRANE ให้บริการพร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนาน ทีมงานของเราทุกคนมีใบอนุญาตและใบรับรองการันตีความน่าเชื่อถือ และยังผ่านการอบรมความปลอดภัยเพื่อทำให้ไซต์งานมีความปลอดภัยสูงสุดทุกขั้นตอนการบริการ

ขั้นตอนการให้บริการของ EK CRANE มีดังนี้

  • Site survey & Lifting Plan – ลงพื้นที่จริงเพื่อตรวจสอบทั้งไซต์งาน สิ่งของที่ต้องยก องค์ประกอบอื่นๆเพื่อวางแพลนการยก เลือกรถเครนที่เหมาะสม และนำข้อมูลที่ได้รับมาทำใบเสนอราคากรณีที่ลูกค้ายังไม่ได้ยื่นใบเสนอราคาให้ทาง EK CRANE
  • จัดเตรียมอุปกรณ์ – เนื่องจากรถเครนของ EK CRANE จะประกอบหน้างาน จึงมีการตรวจสอบและแจกแจงหน้าที่ของอุปกรณ์แต่ละชิ้นก่อนวันทำงานจริง
  • ตั้งรถหน้างาน Mobilization – ทาง EK CRANE เคลื่อนย้ายส่วนประกอบของรถเครนมาประกอบหน้างาน
  • ยกชิ้นงาน -ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของ EK CRANE ทำงานโดยใช้รถเครนเครน 50 ตัน โดยก่อนเริ่มงานจะมีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอลล์เพื่อความปลอดภัย จะมีทีมงาน 4 ตำแหน่งด้วยกัน คือ ผู้บังคับรถเครน ผู้ควบคุมเครน ผู้ยึดเกาะวัสดุ และผู้ให้สัญญาณเครน ปฏิบัติหน้าที่ต่างกันเพื่อให้สามารถดำเนินได้โดยสวัสดิภาพ สำเร็จ และปลอดภัย
  • ประเมินหลังจบงาน – ให้ลูกค้าทำแบบประเมินความพึงพอใจหลังจบงาน โดยสามารถประเมินทั้งเรื่องความสำเร็จ ความปลอดภัย และเรื่องอื่นๆ เพื่อที่ทีมงานจะสามารถพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้น

วิธีเช่ารถเครน 50 ตัน กับ EK CRANE

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์หรือหากทราบข้อมูลที่ต้องการ เช่น ขนาดเครนที่ต้องการ น้ำหนักสินค้า ประเภทงาน ไซต์งาน รายละเอียดงานต่างๆ สามารถขอใบเสนอราคาได้ที่เว็บไซต์

นอกจากนี้สามารถติดต่อสาขาต่างๆได้ผ่านเบอร์โทรดังนี้

  • สำนักงานใหญ่ (กรุงเทพฯ, สมุทรปราการ) โทร 02-745-9999
  • สำนักงานใหญ่ (ระยอง) โทร 038-682-666
  • สาขาย่อย (แหลมฉบัง) 038-482-666

โดยเราบริการพร้อมให้เช่ารถเครน เครน 50 ตัน ทั่วประเทศไทย ทั้งแบบรายวันและรายเดือนด้วย ราคาคุณภาพคุ้มค่ากับการทำงาน

สรุป

เครน 50 ตันมีประโยชน์อย่างมากไม่ว่าจะในพื้นที่แคบ พื้นที่ขรุขระ หรือในเมือง ด้วยการออกแบบที่กะทัดรัดทำให้สามารถเข้าถึงไซต์งานหลายประเภทได้ อีกทั้งยังมีความคล่องตัว เคลื่อนที่ได้เร็ว และแขนรถเครนที่ขยับได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยบูมไฮดรอลิก ช่วยให้งานของคุณสำเร็จลุล่วงได้อย่างปลอดภัย

สามารถเช่ารถเครน 50 ตันผ่าน EK CRANE ซึ่งมีประสบการณ์มากมายและทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้บริการเต็มที่ สามารถสอบถามทั้งผ่านไลน์ เบอร์โทร หรือผ่านเว็บไซต์หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม นอกจากนี้เรายังมีรถเครนขนาดอื่นๆให้บริการไม่ว่าจะเป็นราฟเทอเรนหรือออลเทอเรน เช่น

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย

บริการให้เช่ารถเครน 25 ตัน | EK CRANE

บริการให้เช่ารถเครน 25 ตัน | EK CRANE

25-ton-crane

บริการรถเครนให้เช่าจาก EK CRANE รถเครนประสิทธิภาพสูงพร้อมบริการครบวงจรตั้งแต่ประเมินหน้าไซต์งาน วางแผน นำส่งรถเครน และปฏิบัติงานโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เรามีประสบการณ์มากมายและผลงานที่เชื่อถือได้ ให้บริการตั้งแต่เครน 10 ตัน เครน 25 ตัน ไปจนถึงเครน 550 ตัน

หากสนใจเครน 25 ตัน ทางเรามีให้บริการทั้งรายวันและรายเดือนพร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนงานและควบคุมรถเครน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ด้านล่าง

คุณสมบัติรถเครน 25 ตัน

25-ton-crane-spec

เครน 25 ตันที่ทาง EK CRANE ให้บริการเป็นราฟเทอเรนเครนแบบที่นั่งเดี่ยว มีคุณสมบัติดังนี้

  • น้ำหนักที่ยกได้: 25 ตัน
  • ความสูงในการยก: 33 เมตร
  • เพลาขับเคลื่อน: 2 เพลา
  • รัศมีการทำงาน 27.9 เมตร
  • วงเลี้ยวแคบ
  • มีความคล่องตัว 
  • ความปลอดภัยสูง
  • บังคับเลี้ยวแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

นอกจากนี้ราฟเทอเรน เครน 25 ตันของเรายังเป็นบูมไฮดรอลิก ทำให้รถเครนสามารถหมุนได้รอบทิศทาง ยกของได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว ดำเนินงานรอบไซต์งานได้สะดวก สามารถใช้งานได้ทั้งพื้นที่ขรุขระและพื้นเรียบ

การใช้งานรถเครน 25 ตัน

เครน 25 ตันเป็นรถเครนประเภทหนึ่งที่นิยมใช้เป็นอย่างมากด้วยคุณสมบัติที่ใช้งานค่อนข้างง่าย ใช้ได้กับพื้นที่หลากหลาย เช่น

  • ใช้งานไซต์ก่อสร้างในเมืองที่มีขนาดจำกัด –  เนื่องจากมีขนาดไม่ใหญ่มากจึงไม่ใช้พื้นที่ในการทำงานเยอะ
  • ใช้งานในสถานที่ขรุขระนอกเมือง – ราฟเทอเรนเครน 25 ตัน นอกจากจะใช้ในพื้นที่เรียบได้แล้วยังสามารถใช้งานในพื้นที่ขรุขระได้อีกด้วยจึงเหมาะกับงานประเภทนี้มาก
  • งานติดตั้งชิ้นส่วนในงาน – เนื่องจากรถเครน 25 ตันมีขนาดไม่สูงมากจึงใช้งานในที่เพดานต่ำได้ สามารถใช้งานในโรงงานได้

ติดตั้งแผ่นโซลาร์ที่หลังคา – หากต้องการติดตั้งโซลาร์รูฟที่บ้านหรืออาคารที่ไม่สูงมาก สามารถใช้เครน 25 ตันได้เพราะสามารถใช้ในพื้นที่จำกัดได้ดี

วิธีเช่ารถเครน 25 ตัน กับ EK CRANE

25-ton-crane-rental

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ @EKCRANE หรือหากทราบข้อมูลที่ต้องการ เช่น ขนาดเครนที่ต้องการ น้ำหนักสินค้า ประเภทงาน ไซต์งาน รายละเอียดงานต่างๆ สามารถขอใบเสนอราคาได้ที่เว็บไซต์

นอกจากนี้สามารถติดต่อสาขาต่างๆได้ผ่านเบอร์โทรดังนี้

  • สำนักงานใหญ่ (กรุงเทพฯ, สมุทรปราการ) โทร 02-745-9999
  • สำนักงานใหญ่ (ระยอง) โทร 038-682-666
  • สาขาย่อย (แหลมฉบัง) 038-482-666

โดยเราบริการพร้อมให้เช่ารถเครน เครน 25 ตัน ทั่วประเทศไทย ทั้งแบบรายวันและรายเดือนด้วย ราคาคุณภาพคุ้มค่ากับการทำงาน

ขั้นตอนดำเนินงานของ EK CRANE มีดังนี้

  • Site survey & Lifting Plan – ทีมงานของ EK CRANE ลงพื้นที่จริงเพื่อตรวจสอบสินค้า ไซต์งาน ประเภทงาน เพื่อจัดทำแผนการทำงานและเลือกเครนที่เหมาะสมกับการทำงาน ทำใบเสนอราคาให้กับลูกค้ากรณีที่ยังไม่ได้ยื่นใบเสนอราคา
  • จัดเตรียมอุปกรณ์ – ทีมงานจัดเตรียมอุปกรณ์แต่ละชิ้นที่จะใช้ประกอบเป็นรถเครนหน้างาน แจกแจงหน้าที่ของแต่ละชิ้น โดยทีมงานจะจัดเตรียมอุปกรณ์ล่วงหน้า 2-3 วัน
  • ตั้งรถหน้างาน Mobilization – ประกอบรถเครนที่ต้องการหน้าไซต์งานเพื่อความสะดวกในการขนย้าย ใช้พื้นที่เคลื่อนย้ายไม่มาก
  • ยกชิ้นงาน – ใช้รถเครนปฏิบัติงานโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญของ EK CRANE ในการใช้งาน เครน 25 ตัน จะมีทีมงาน 4 หน้าที่ด้วยกัน คือ ผู้ควบคุมเครน ผู้บังคับรถเครน ผู้ให้สัญญาณเครน และผู้ยึดเกาะวัสดุ ช่วยให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ประเมินหลังจบงาน – ให้ลูกค้าทำแบบประเมินความพึงพอใจหลังจบงานเพื่อนเก็บเป็นข้อมูลพัฒนาบริการต่อไป

ทีมงานของ EK CRANE ทุกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ มีใบอนุญาต ใบรับรอง และผ่านการอบรมความปลอดภัย อีกทั้งก่อนปฏิบัติงานก็มีการตรวจระดับแอลกอฮอลล์เพื่อความปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง ช่วยให้งานของคุณสำเร็จลุล่วง สามารถดูผลงานตัวอย่างได้ในเว็บไซต์ของ EK CRANE

สรุป

รถเครนรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมคือเครน 25 ตัน เนื่องจากสามารถใช้งานไซต์ก่อสร้างในเมืองได้ และยังสามารถใช้งานในโรงงานที่มีเพดานต่ำได้เพราะมีขนาดเล็ก นอกจากนี้หากเป็นไซต์ก่อสร้างนอกเมืองก็สามารถใช้เครน 25 ตันได้เช่นกันเพราะสามารถเคลื่อนที่ในพื้นที่ขรุขระได้ เครนชนิดนี้มีวงเลี้ยวแคบทำให้เคลื่อนที่ง่าย มีความคล่องตัวสูง และใช้ยกสิ่งของต่างๆได้ดี เหมาะกับงานหลากประเภท

สำหรับการเช่ารถเครน 25 ตันผ่าน EK CRANE สามารถเช่าได้ทั้งแบบรายวันและรายเดือนและให้บริการพร้อมทีมงานคุณภาพ มีใบอนุญาตและใบรับรอง โดยสามารถปรึกษาทีมงานเพิ่มเติมได้ผ่านทางเว็บไซต์หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม

นอกจากนี้เรายังรถเครนประเภทอื่นให้เช่า ไม่ว่าจะเป็นราฟเทอเรนขนาดอื่น ออลเทอเรนทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลาง เช่น

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย

บริการให้เช่ารถเครน 10 ตัน | EK CRANE

บริการให้เช่ารถเครน 10 ตัน | EK CRANE

10-ton-crane

EK CRANE ให้บริการรถเครนให้เช่าหลากหลายขนาดรวมถึงรถเครน 10 ตัน พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้วยประสบการณ์ที่มีมากกว่า 30 ปี และการบริการที่ครอบคลุมทั้งวงจร เหมาะสมทุกการใช้งาน รถเครน 10 ตัน มีประโยชน์มากสำหรับงานในพื้นที่ขนาดไม่ใหญ่มาก พื้นที่แคบ สามารถช่วยแบ่งเบางานได้มากมาย

สำหรับการเช่ารถเครน 10 ตัน มีข้อมูลที่ควรทราบดังนี้

รถเครน 10 ตันใช้ทำอะไรได้บ้าง

รถเครน 10 ตันถือว่าเป็นรถเครนที่มีขนาดเล็ก มีความคล่องตัวมากกว่ารถเครนขนาดอื่นๆ แม้จะสามารถยกของหนักได้แต่ก็ไม่เหมาะกับงานก่อสร้างขนาดใหญ่ งานที่เหมาะกับรถเครน 10 ตัน เช่น

  • ย้ายเครื่องจักรอื่นๆ
  • งานในพื้นที่แคบ เช่น งานในอุโมงค์
  • งานในพื้นที่เตี้ยหรือเพดานต่ำ
  • งานติดตั้งชิ้นส่วนในโรงงาน
  • งานต่อเติมโรงงาน
  • งานเทปูน
  • งานยกแผ่นพื้น
  • งานยกของอื่นๆที่มีน้ำหนักไม่เกิน 10 ตัน

ทั้งนี้หากต้องการสอบถามเพิ่มเติมว่างานที่คุณต้องการเหมาะกันรถเครนประเภทใด สามารถสอบถามทีมงานผู้เชี่ยวชาญของ EK CRANE เพิ่มเติมที่ LINE: @EKCRANE โดยจะมีทีมงานตรวจสอบหน้างานและเลือกเครนที่เหมาะสมให้พร้อมเสนอแผนงาน

สเปครถเครน 10 ตัน

10-ton-crane-spec

รถเครน 10 ตันของ EK CRANE เป็นราฟเทอเรนเครน(Rough Terrain Crane) มีสเปคดังนี้

  • น้ำหนักการยก: 10 ตัน
  • ความสูงการยก: 24 เมตร
  • รัศมีการทำงาน: 22.3 เมตร
  • เพลาขับเคลื่อน: 2 เพลา

ราฟเทอเรน เครน 10 ตัน ของเราเป็นแบบห้องขับเดี่ยว มีโครงสร้างกะทัดรัดและวงเลี้ยวแคบ มีบูมไฮดรอลิกทำให้ทำงานได้รวดเร็วแม่นยำอีกทั้งยังมีความปลอดภัยดีเยี่ยม มีการตรวจสอบความปลอดภัยและซ่อมบำรุงสม่ำเสมอ สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีเช่ารถเครน 10 ตัน กับ EK CRANE

หากสนใจรถเครน 10 ตัน สามารถ ขอใบเสนอราคา ที่เว็บไซต์ของ EK CRANE หรือติดต่อสำนักงานในแต่ละพื้นที่ซึ่งมีให้บริการทั่วประเทศไทย ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑลไปจนถึงจังหวัดอื่นๆ โดยมีให้เช่าทั้งแบบรายวันและรายเดือน สามารถติดต่อสาขาต่างๆได้ตามเบอร์โทรด้านล่าง

  • สำนักงานใหญ่ (กรุงเทพฯ, สมุทรปราการ) โทร 02-745-9999
  • สำนักงานใหญ่ (ระยอง) โทร 038-682-666
  • สาขาย่อย (แหลมฉบัง) 038-482-666

บริการของ EK CRANE ครอบคลุมตั้งแต่

  • Site survey & Lifting Plan – สำหรับผู้ที่ยังไม่มั่นใจว่าควรใช้เครนแบบไหนดี ทีมงานของเราจะลงพื้นที่จริงวัดขนาดพื้นที่และสินค้าเพื่อเลือกเครนที่เหมาะสมสำหรับการทำงานและทำใบเสนอราคา จากนั้นจึงนำเสนอแผนปฏิบัติงาน
  • จัดเตรียมอุปกรณ์ – ทีมงานประชุมเพื่อแจ้งแผนการก่อนเริ่มงานจริง 2-3 วัน แจกแจงหน้าที่ของอุปกรณ์แต่ละชิ้น
  • ตั้งรถหน้างาน Mobilization – รถเครนของ EK CRANE จะประกอบหน้างานเนื่องจากพื้นที่หน้างานอาจมีจำกัด เพื่อให้สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย
  • ยกชิ้นงาน – ในขั้นตอนการใช้เครนยกสิ่งของ ผู้เชี่ยวชาญที่ควบคุมการทำงานของรถเครนจะมีทั้งหมด 4 คนด้วยกันคือ ผู้บังคับรถเครน ผู้ควบคุมเครน ผู้ให้สัญญาณเครน และผู้ยึดเกาะวัสดุ ช่วยให้งานดำเนินได้ลุล่วงปลอดภัยตามมาตรฐานของ EK CRANE
  • ประเมินหลังจบงาน – ให้ลูกค้าประเมินการให้บริการของ EK CRANE ทั้งเรื่องของความพึงพอใจ ความปลอดภัย เพื่อที่หากมีปัญหาทางทีมงานจะได้แก้ให้ตรงจุดและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

ข้อควรระวังในการใช้เครน 10 ตัน

10-ton-crane-usage

เมื่อจะใช้งานเครน 10 ตัน ควรทำตามข้อควรระวังดังนี้

  • ตรวจสอบความต้องการให้ดีว่าเหมาะสมกับรถเครน 10 ตัน ของที่ใช้ยกไม่ควรมีน้ำหนักเกินสเปคของเครนและจำนวนของที่ยกต้องไม่มากเกินไปเพื่อป้องกันไม่ให้มีสิ่งของร่วงหล่นระหว่างขนย้ายด้วยเครน การใช้เครนเกินสเปคนอกจากจะไม่ปลอดภัยแล้วยังอาจทำให้งานล่าช้าอีกด้วย 
  • ตรวจสอบความปลอดภัยของรถเครนก่อนเริ่มงานทุกครั้ง หากใช้บริการกับ EK CRANE ทางเรามีขั้นตอนตรวจสอบทั้งเครนและทีมงานเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
  • ผู้ขับเครนจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งทาง EK CRANE มีทีมงานให้บริการพร้อมเครนจึงไม่ต้องกังวลในส่วนนี้
  • ระหว่างขับเครนควรระมัดระวังเรื่องการชนสิ่งของต่างๆเป็นอย่างมากโดยเฉพาะสายไฟซึ่งอาจอันตรายถึงชีวิต

สรุป

รถเครน 10 ตันเป็นเครนที่เหมาะกับพื้นที่แคบหรือเพดานต่ำ เนื่องจากมีขนาดเล็ก วงเลี้ยวแคบ และยกของได้ไม่เกิน 10 ตันตามชื่อ หากเช่าเครนกับ EK CRANE เรามีเครน 10 ตันให้บริการพร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญ

สำหรับผู้ที่สนใจเครนขนาดอื่นๆเราก็มีให้บริการเช่นกัน เช่น

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย

Checklist มาตรการปฏิบัติ เพื่อความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง

checklist การทำงานบนที่สูง

การทำงานบนที่สูงและการทำงานบนนั่งร้านที่ต้องเสี่ยงกับการตกจากที่สูง เช่น งานก่อสร้าง งานบำรุงรักษา งานสายส่งไฟฟ้า งานทำความสะอาด การช่วยเหลือกู้ภัย หรือแม้กระทั่งการทำงานในหลุม บ่อ เป็นต้น งานที่ต้องเสี่ยงกับการตกจากที่สูงหรือพื้นที่ต่างระดับนี้ จำเป็นที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องได้รับการอบรม ฝึกฝน ให้มีความรู้ ความเข้าใจและปฏิบัติตนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในขณะที่ปฏิบัติงานบนที่สูงและปฏิบัติให้ได้ตามที่กฎหมายกำหนด โดยเราได้ทำ checklist การทำงานบนที่สูง มารวบรวมไว้ให้ที่นี่แล้ว

skyscraper

การทำงานบนที่สูง คือ

อย่างแรกเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า “การทำงานบนที่สูง” หมายถึงอะไร การทำงานบนที่สูง คือ การทำงานที่ตัวผู้ปฏิบัติงานอยู่บนพื้นที่ที่สูงจากพื้นดิน หรือสูงจากพื้นอาคารตั้งแต่ 2 เมตรขึ้นไป หรือทางต่างระดับลงไปมากกว่า 2 เมตรก็ตาม ที่สามารถทำให้ผู้ปฏิบัติงานพลัดตกได้ ด้วยความที่การทำงานบนพื้นที่สูงนั้นมีความเสี่ยงสูงที่ตัวผู้ปฏิบัติงานจะเกิดอันตรายต่อชีวิต เช่น พลัดตก จึงทำให้มีการประกาศกฎหมายออกมาบังคับใช้สำหรับการทำงานบนที่สูงให้นายจ้างต้องปฏิบัติตามเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ปฏิบัติงาน และ ลูกจ้างทุกคนที่ทำงานบนที่สูง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ข้อบังคับสำหรับการทำงานบนที่สูงตามที่กฎหมายกำหนด

checklist ข้อบังคับการทำงานบนที่สูง มีดังนี้

  1. นายจ้างจะต้องจัดให้มีการอบรมการทำงานบนที่สูง หรือ ชี้แจงเกี่ยวกับข้อบังคับและขั้นตอนในการทำงานบนที่สูงเพื่อความปลอดภัย 
  2. นายจ้างจะต้องมีเอกสารประกอบการใช้งานอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย (PPE) ที่ออกด้วยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ลูกจ้างอ่านและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด 
  3. นายจ้างจะต้องเตรียมอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย (PPE) ที่ได้รับมาตรฐาน และพร้อมใช้งาน 100% ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็กหมวกเซฟตี้ และเครื่องมือชนิดอื่นๆ และต้องบังคับใช้อย่างเคร่งครัด 
  4. นายจ้างจะต้องจัดให้มีการเตรียมความพร้อม ตรวจสอบ และเตรียมอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เช่น การตรวจสอบว่าอุปกรณ์พร้อมใช้งานก่อนการทำงานทุกครั้ง 
  5. นายจ้างจะต้องจัดให้มีอุปกรณ์กันตก เช่น ราวกั้น รั้วกั้น หรือตาข่ายต่าง ๆ ในกรณีที่มีการทำงานบนพื้นที่สูง 4 เมตรขึ้นไป แต่แนะนำว่าควรมีไม่ว่าจะสูงเท่าไหร่ก็ตาม 
  6. นายจ้างจะต้องจัดให้มีการติดตั้งนั่งร้านที่ได้มาตรฐาน
  7. นายจ้างจะต้องจัดให้มีฝาปิดช่องหรือปล่องต่าง ๆ ที่ลูกจ้างมีโอกาสตกลงไปได้ โดยฝาปิดจะต้องเป็นฝาปิดที่ได้มาตรฐาน 
  8. นายจ้างจะต้องจัดให้มีการติดตั้งนั่งร้านในกรณีที่พื้นที่ปฏิบัติงานมีความลาดชันเกิน 15 องศาขึ้นไป
  9. นายจ้างจะต้องจัดให้มีการผูกยึดอุปกรณ์ในการทำงานบนที่สูง เพื่อป้องกันไม่ให้ตกลงมาและอาจจะก่อเกิดอันตรายต่อผู้ที่อยู่ข้างล่าง 
  10. นายจ้างจะต้องบังคับใช้บันไดที่เคลื่อนย้ายได้ พาดทำมุม 75 องศาเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน 
  11. หากใช้รถเครน จะต้องบังคับใช้แผ่นเหล็กเพื่อมารองขาช้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอ่อนตัวแล้วทำให้รถเครนล้มตัวลงมา โดยคนขับและผู้ให้สัญญาณจะต้องผ่านการอบรม และตัวรถเครนจะต้องผ่านการตรวจสอบเครนจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและมีใบอนุญาต

กฎหมายพื้นฐานสำหรับผู้ที่ทำงานบนที่สูง

กฎพื้นฐานสำหรับผู้ที่ทำงานบนที่สูงที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มีดังนี้

  1. ผู้ปฏิบัติงานต้องผ่านหลักสูตรอบรมการทำงานบนที่สูงอย่างปลอดภัยหมดทุกคน
  2. ทุกคนต้องบังคับสวมใส่อุปกรณ์เซฟตี้ในขณะทำงานบนที่สูง
  3. สวมใส่อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเฉพาะในการทำงาน เช่น ใส่หน้ากากกันฝุ่นเพื่อป้องกันไอควันจากการวัสดุก่อสร้าง
  4. ก่อนผู้ปฏิบัติงานจะดำเนินการก่อสร้างบนพื้นที่สูง ควรหาจุดยืนที่แข็งแรงก่อนปฏิบัติงานทุกครั้ง
  5. นายจ้างต้องเตรียมแผนการช่วยเหลือ ในกรณีเกิดอุบัติเหตุขณะการก่อสร้างแก่ลูกจ้างได้

กฎหมายการทำงานบนที่สูงที่ทุกคนต้องให้ความร่วมมือกันกับการใช้บันได มี 5 ข้อปฏิบัติ ดังนี้

  1. บันไดที่ใช้ในการปีนขึ้นไปจะต้องถูกยึดเหนี่ยวแน่น ไม่โยกในขณะการปีนขึ้นไป
  2. สวมใส่ถุงมือเซฟตี้ และรองเท้าเซฟตี้ขณะขึ้นบันไดทุกครั้ง
  3. ผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่ใช้บันไดร่วมกัน ต้องบังคับการขึ้นและลงทีละคนเท่านั้น
  4. ในขณะผู้ปฏิบัติงานกำลังขึ้นบันได ให้จับราวบันไดทั้งสองข้างด้วยความเร็วปกติ
  5. ผู้ปฏิบัติงานที่กำลังขึ้นบันไดต้องไม่พบอุปกรณ์พกพาติดมือในขณะปีน หากจำเป็นต้องพกพาให้ใส่ในกระเป๋าติดตัวเท่านั้น

กฎหมายอีกฉบับที่ประบังคับใช้กับสถานประกอบกิจการและนายจ้าง คือ

  1. นายจ้างต้องจัดให้มีข้อบังคับและขั้นตอนการปฏิบัติงาน หรือ คู่มือการทำงานนั่นเอง โดยก่อนเริ่มทำงานเราจะต้องทำการอบรมให้กับพนักงานก่อนเริ่มทำงานบนที่สูง อาจจะใช้การประเมินอันตรายด้วย JSA มาทำเป็นคู่มือก็ได้เช่นกัน
  2. นายจ้างและผู้ปฏิบัติงานจะต้องปฏิบัติตามคู่มือการทำงานของอุปกรณ์และเครื่องจักรที่ใช้ในการทำงานบนที่สูงอย่างเคร่งครัด
  3. จะต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันการตก เข็มขัดนิรภัย หรือ PPE ตลอดระยะเวลาที่ทำงานบนที่สูง รวมทั้งจัดให้มีส่วนประกอบของระบบกันตกดังนี้

3.1 จุดยึดที่แข็งแรง (A)

3.2 เข็มขัดกันตกยึดกับร่างกาย (B)

3.3 อุปกรณ์เชื่อมต่อในแต่ละส่วนที่ได้มาตรฐานแข็งแรง ©

Working at height

ข้อกำหนดเพื่อใช้สำหรับการขึ้นทำงานบนที่สูงให้ปลอดภัย

checklist ข้อกำหนดการขึ้นทำงานบนที่สูงให้ปลอดภัย มีดังต่อไปนี้

  • ห้ามทำงานบนที่สูงเพียงลำพังคนเดียว
  • ห้ามวิ่งหรือเคลื่อนไหวตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อทำงานบนที่สูงกว่าพื้นดินเกิน 2 เมตร
  • ขณะทำงานงาน ห้ามโยนสิ่งของหรือเครื่องมือให้แก่ผู้ที่อยู่บนที่สูงอย่างเด็ดขาด
  • เมื่อทำงานอยู่บนที่สูง ห้ามทิ้งสิ่งของหรือเครื่องมือลงสู่เบื้องล่างโดยเด็ดขาด
  • การตัด การเชื่อมบนที่สูง ให้ตรวจสอบและเคลื่อนย้ายเชื้อเพลิง และสารไวไฟทุกชนิดในพื้นที่เบื้องล่างก่อน รวมถึงขณะตัดหรือเชื่อม ให้ทำด้วยความระมัดระวัง
  • ผู้ควบคุมงานต้องดูแลไม่ให้ใครเดินผ่านเบื้องล่างขณะทำงานบนที่สูง
  • หากจำเป็นต้องยกแฮงเกอร์แขวนท่อเคลื่อนย้าย ควรทำการเคลื่อนที่ภายในเส้นทางบริเวณเขตก่อสร้างเท่านั้น
  • ขณะยืนบนหลังคากระเบื้องและกระจก ควรวางน้ำหนักเท้าให้เบาที่สุด และห้ามเหยียบที่แผ่นกระเบื้องโดยตรง

อันตรายที่พบได้บ่อยเมื่อทำงานบนที่สูง

การทำงานบนที่สูงมีอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน เนื่องจากเป็นงานที่มีความเสี่ยง โดยอันตรายที่พบได้บ่อย คืออันตรายจากการพลัดตกจากที่สูง ที่อาจส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตได้ และอันตรายอื่นๆ จากการทำงานบนที่สูงยังรวมถึง

  • วัตถุที่ตกลงมาจากที่สูง ที่อาจทำให้ผู้ปฏิบัติงานที่อยู่ด้านล่างได้รับบาดเจ็บจากวัตถุนั้น
  • การยุบตัวของโครงสร้างที่อาจพังทลายลงมาทำให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับบาดเจ็บ
  • อันตรายจากไฟฟ้าช็อต ที่เกิดจากสายไฟฟ้าที่อยู่บริเวณพื้นที่ปฏิบัติงาน
  • การบาดเจ็บจากการลื่นไถล สะดุด ล้ม บนพื้นบริเวณที่ทำงาน
  • การบาดเจ็บจากการขนย้ายเครื่องมือและอุปกรณ์

นอกจากอันตรายที่กล่าวไปข้างต้น ในการทำงานบนที่สูงอาจมีอันตรายอื่นๆ ที่แอบแฝงอยู่ เพื่อลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการทำงานบนที่สูง สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยและใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายอย่างเหมาะสม ซึ่งรวมถึงการใช้อุปกรณ์ป้องกันการตก เช่น เข็มขัดนิรภัยและเชือกช่วยชีวิต การใช้ราวกั้น ตาข่ายนิรภัย และมาตรการด้านความปลอดภัยอื่นๆ และต้องแน่ใจว่าผู้ปฏิบัติงานได้รับการฝึกอบรมอย่างเหมาะสมในการใช้อุปกรณ์อย่างปลอดภัย

สรุป

การทำงานบนที่สูง มีความเสี่ยงจากการพลัดตก จนทำให้เสียชีวิตหรือพิการได้ จึงมีความจำเป็นที่ผู้ปฏิบัติงานบนที่สูงต้องได้รับการอบรมให้ถูกต้องตามข้อกำหนดของกฎหมาย และนอกจากการอบรมแล้ว นายจ้างยังต้องมีมาตรการด้านความปลอดภัยที่เพียงพอ และต้องควบคุมให้ผู้ปฏิบัติงานปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่แค่เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ปฏิบัติงาน แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้อื่นด้วยนั่นเอง เพราะการให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยอย่างจริงจังและการใช้มาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวด สามารถสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยและลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บได้  หากสภาพแวดล้อมในการทำงานมีความปลอดภัยก็จะสามารถนำไปสู่การเพิ่มผลผลิตและลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้

สุดท้ายนี้หากคุณไม่อยากพลาดข่าวสาร และสาระดี ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง สามารถติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ EK CRANE เรามีอัปเดตสาระน่ารู้ใหม่ ๆ ให้อยู่เสมอ และสำหรับผู้ที่สนใจเช่ารถเครนทุกประเภท เอกเครน โลจิสติกส์ เราเป็นผู้นำด้านบริการเช่ารถเครนทุกขนาด ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีทีมงานตลอดให้บริการอยู่ตลอด สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย

การวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาภายในไซต์ก่อสร้างด้วย Why Why Analysis

why why analysis คือ

ในปัจจุบันปัญหาต่าง ๆ ของการทำงานมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในกระบวนการทำงานภายในไซต์ก่อสร้าง ซึ่งทักษะการวิเคราะห์ปัญหาด้วย Why Why Analysis คือ พื้นฐานสำคัญและมีความเหมาะสมกับการแก้ปัญหาในกระบวนการดังกล่าวเป็นอย่างมาก การใช้ Why Why Analysis ส่งผลให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างมีหลักเกณฑ์ มีความเป็นระบบ มีขั้นตอนและมีเหตุผลในเชิงวิทยาศาสตร์ จึงนับว่าการใช้ Why Why Analysis คือ “การป้องกันการแก้ปัญหาแบบไม่สมเหตุผล” ที่เกิดจากการนึกคิดเองของผู้ปฏิบัติงานไปด้วยในตัว ดังนั้นเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานเข้าใจการใช้ Why Why Analysis มาวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ผมจึงได้รวบรวมเนื้อหาและสาระที่น่ารู้ว่า Why Why Analysis คืออะไร มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง มาให้ทุกคนได้อ่านในบทความนี้แล้ว

Why Why Analysis

การแก้ไขปัญหาด้วย Why Why Analysis คือ

Why Why Analysis คือ “การวิเคราะห์หาปัจจัยที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริง (Root Cause) ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบหรือปรากฏการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น (Effect) ด้วยวิธีการอย่างเป็นระบบและเป็นขั้นเป็นตอน โดยไม่ให้เกิดสภาพการณ์ที่ตกหล่นและซ้ำซ้อน และไม่จินตนาการไปเอง” ดังนั้น Why Why Analysis เปรียบเสมือนการมองเห็น “ผลกระทบ” และ “สาเหตุ” ในบางประเด็น แต่ยังไม่ด่วนสรุปทันทีว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่พยายามค้นหาข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและสอดคล้องเพื่อค้นหาว่า “สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร”

หรือให้ทุกคนเข้าใจอย่างง่ายๆ Why Why Analysis หรือ 5 Why คือ เครื่องมือวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาด้วยการถามหาสาเหตุด้วยคำว่า “Why” หรือ “ทำไม” เพื่อหาว่าสาเหตุของปัญหามาจากอะไร และถามซ้ำเพื่อหาว่าทำไมสาเหตุดังกล่าวจึงเกิดขึ้นได้ โดยการตั้งคำถามซ้ำไปเรื่อยๆ 5 ครั้งหรือจนกว่าจะพบสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา จนกระทั่งได้สาเหตุที่เป็นต้นตอของปัญหา โดยสาเหตุที่อยู่หลังสุดจะต้องเป็นสาเหตุที่สามารถพลิกกลับกลายมาเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพหรือเป็นมาตรการป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำได้อีกนั่นเอง

ขั้นตอนทำ Why Why Analysis

ขั้นตอนทำ Why Why Analysis ประกอบไปด้วย

  1. ระบุปัญหาหลักที่ต้องการแก้ไข: เริ่มต้นด้วยการระบุปัญหาหลักที่ต้องการแก้ไขอย่างชัดเจน
  2. สอบถามที่ 1 (Why?) : สอบถามว่าทำไมเกิดปัญหานี้ขึ้น ซึ่งจะเป็นการค้นหาสาเหตุหลักที่เกี่ยวข้องกับปัญหา
  3. สอบถามที่ 2 (Why?) : ต่อมาสอบถามว่าทำไมสาเหตุที่ตอบมาจากขั้นตอนที่ 2 นั้นเกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นการค้นหาสาเหตุย่อยที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุหลัก
  4. ทำขั้นตอนที่ 3 จนกระทั่งได้สาเหตุหลักและสาเหตุย่อยทั้งหมด : ทำขั้นตอนการสอบถามสาเหตุย่อยต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้สาเหตุหลักและสาเหตุย่อยทั้งหมด (Why ที่ดีควรสอบถามให้ถึง 5 Why)
  5. หาวิธีแก้ไขสาเหตุหลัก : หลังจากได้สาเหตุหลักและสาเหตุย่อยทั้งหมดแล้ว จะต้องหาวิธีแก้ไขสาเหตุหลักเพื่อแก้ไขปัญหาให้หมดไป
  6. ดำเนินการแก้ไข : หลังจากได้วางแผนวิธีแก้ไขสาเหตุหลักแล้ว ก็ทำการดำเนินการแก้ไขเพื่อแก้ไขปัญหา
  7. ตรวจสอบผล : หลังจากดำเนินการแก้ไขแล้ว จะต้องทำการตรวจสอบผลเพื่อให้แน่ใจว่าปัญหานั่นได้คลี่คลายแล้ว
  8. ประเมินและป้องกันปัญหาเดียวกัน : หลังจากแก้ไขปัญหาแล้ว จะต้องประเมินว่าการแก้ไขนั้นเป็นไปตามที่คาดหมายหรือไม่ และควรมีการวางแผนการป้องกันปัญหาเดียวกันในอนาคต เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นซ้ำอีก
5Why

9 ข้อ ที่ต้องคำนึกเมื่อทำ Why Why Analysis

9 ข้อที่ต้องคำนึกถึงเมื่อทำ Why Why Analysis เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จำเป็นที่จะต้องประกอบไปด้วยเทคนิคดังต่อไปนี้

  1. หาความชัดเจนกับปัญหา (Specification) และไม่เป็นนามธรรม
  2. การวิเคราะห์ต้องดูพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง (3G)
  3. ต้องระวังต้นเหตุเทียมหรือต้นกำเนิดที่ไม่สมเหตุสมผล
  4. ต้องพิจารณาปัญหา (สาเหตุ) ให้รอบด้าน
  5. หลีกเลี่ยงสาเหตุจากสภาพจิตใจ (Emotional Cause)
  6. ต้นเหตุต้องนำมากำหนดเป็นมาตรการป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดซ้ำ
  7. ไม่นิยมนำมาตรการแก้ปัญหามากำหนดเป็นต้นเหตุ
  8. ต้องตรวจสอบความสมบูรณ์ด้วย MECE Technique
  9. พิจารณาว่าสาเหตุใดควรเป็นต้นเหตุสุดท้าย

5 Gen ที่จะช่วยให้การทำ Why Why Analysis มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

นอกจากการใช้ Why Why Analysis มาวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาแล้วนั่น ยังมีอีกหลักการหนึ่งที่ยังสามารถช่วยให้การวิเคราะห์และแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็คือ “หลักการ 5 Gen” โดยประกอบไปด้วย Genba, Genbutsu, Genjitsu, Genri และ Gensoku โดยเฉพาะใน 3 Gen แรกที่จะให้ความสำคัญกับการดำเนินการค้นหาปัญหา เป็นการลงไปเห็นที่จุดเกิดเหตุของปัญหานั้นๆ เพื่อที่จะนำมันมาแก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยในแต่ละหลักการมีความหมายดังนี้

  • Genba คือ สถานที่จริง/หน้างานจริง หรือก็คือ การลงพื้นที่เพื่อค้นหาปัญหาจริง ๆ
  • Genbutsu คือ สิ่งที่เป็นตัวปัญหาจริง หมายถึง การสังเกตหรือจับต้องสิ่งนั้น ๆ ที่กำลังจะถูกผลิตหรือกำลังถูกตรวจสอบนั่นเอง
  • Genjitsu คือ สถานการณ์จริง หมายถึง เหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดปัญหาจริง
  • Genri คือ ทฤษฎีที่ใช้ได้จริง หมายถึง หลักการที่ใช้ในการทำงาน หรือสมมุติฐานในการแก้ไขหรือตรวจสอบ
  • Gensoku คือ เงื่อนไขประกอบที่เกี่ยวข้องจริง หมายถึง ข้อจำกัด ข้อตกลง หรือกฎที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน

ซึ่งเหตุผลที่ควรนำหลักการ 5 Gen มาใช้ด้วยนั้น ก็เป็นเพราะว่าการวิเคราะห์ด้วย Why Why Analysis ในอดีตมีข้อด้อยคือ ขาดการทวนสอบจากสถานที่จริง จึงทำให้เกิดการวิเคราะห์อยู่เพียงแค่บนโต๊ะทำงาน ทำให้ปัญหาจริงๆไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้น จึงต้องใช้หลักการของ 5 Gen เข้าไปร่วมด้วย โดยจะช่วยทำให้เราสามารถค้นหาปัญหาที่เรากำลังตามหาได้อย่างแท้จริงนั่นเอง

สรุป

จากบทความข้างต้น Why Why Analysis คือการถกถามหาปัญหาไปเรื่อยๆ เพื่อหาต้นเหตุของปัญหาไปจนกว่าจะเจอสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง ซึ่งคำถามที่เกิดขึ้นอาจจะน้อยกว่าหรือมากกว่า 5 คำถามก็ได้ และในแต่ละคำถามอาจจะมีมากกว่า 1 คำตอบก็เป็นได้ ซึ่งจะช่วยทำให้เข้าใกล้ถึงปัญหาได้มากขึ้นจนสามารถจัดการกับปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และตรงประเด็น

ซึ่งในปัจจุบันหลักการวิเคราะห์ด้วย Why Why Analysis ไม่ได้เป็นที่นิยมในวงการอุตสาหกรรมก่อสร้าง โรงงานผลิต หรือ โรงพยาบาล เท่านั้น แต่ยังมีหลาย ๆ องค์กรที่นำหลักการวิเคราะห์ด้วย Why Why Analysis ไปใช้และได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาด ทั้งนี้ทุกคนสามารถนำหลักการวิเคราะห์ด้วย Why Why Analysis ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับองค์กรหรือบริษัทของคุณได้เช่นกัน

สุดท้ายนี้หากคุณไม่อยากพลาดข่าวสาร และสาระดี ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง สามารถติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ EK CRANE เรามีอัปเดตสาระน่ารู้ใหม่ ๆ ให้อยู่เสมอ และสำหรับผู้ที่สนใจเช่ารถเครนทุกประเภท เอกเครน โลจิสติกส์ เราเป็นผู้นำด้านบริการเช่ารถเครนทุกขนาด ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีทีมงานตลอดให้บริการอยู่ตลอด สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย

มาดูกันว่า ปัจจุบันปั้นจั่นตามกฎหมายมีกี่ชนิด อัปเดต 2024

ปั้นจั่นตามกฎหมายมีกี่ชนิด

ปั้นจั่น หรือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากเพื่อขึ้นที่สูง โดยใช้สลิงในการตรึงระหว่างสิ่งของและตัวแขนบูม ซึ่งใช้ในการเคลื่อนย้ายสิ่งของไปมา สามารถยกขึ้นในแนวดิ่งและเคลื่อนไหวหมุนไปมาได้ในแนวราบแบบ 360 องศา ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นและมีความสำคัญอย่างมากในงานระดับอุตสาหกรรม ดังนั้น สำหรับใครที่ยังไม่ทราบว่าปั้นจั่นตามกฎหมายมีกี่ชนิด ไม่รู้ว่าจะเลือกใช้งานปั้นจั่นให้ถูกต้องและปลอดภัยตามกฎหมายได้อย่างไร คุณสามารถมาหาคำตอบได้ในบทความนี้เลย

ปั้นจั่นแบ่งออกเป็นกี่ชนิดตามกฎหมาย แล้วมีอะไรบ้าง ? 

ปั้นจั่นตามกฎหมายมีกี่ชนิดกันแน่ ในทางกฎหมายแล้วปั้นจั่นเป็นเครื่องจักรที่มีด้วยกันทั้งหมด 2 ชนิด คือปั้นจั่นชนิดอยู่กับที่ ปั้นจั่นที่ประกอบด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งระบบควบคุม ระบบยกน้ำหนัก โดยจะติดตั้งอยู่บริเวณสถานที่ปฏิบัติงานด้วยขาตั้ง หรือหอสูง ซึ่งปั้นจั่นชนิดอยู่กับที่ยังสามารถแบ่งออกมาเป็นประเภทย่อย ๆ ได้อีก 2 ประเภทคือ

ปั้นจั่นชนิดอยู่กับที่
  • ปั้นจั่นแบบเหนือศีรษะ มีลักษณะเป็นสะพานที่เคลื่อนที่ได้
  • ปั้นจั่นแบบขาสูง มีลักษณะที่คล้ายกับปั้นจั่นแบบเหนือศีรษะ แต่จะมีตัวสะพานที่วางอยู่บนขาของปั้นจั่นนั่นเอง
  1. ปั้นจั่นชนิดเคลื่อนที่ คือ ปั้นจั่นที่ประกอบด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งระบบควบคุม ระบบยกน้ำหนัก ซึ่งตัวปั้นจั่นจะติดตั้งอยู่กับยานพาหนะที่ขับเคลื่อนได้ ซึ่งในปั้นจั่นชนิดเคลื่อนที่นี้ ก็ยังสามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อย ๆ ได้อีก 4 ประเภทคือ
ปั้นจั่นชนิดเคลื่อนที่
  • รถเครนตีนตะขาบ หรือ ปั้นจั่นที่ถูกติดตั้งกับตัวรถที่มีการเคลื่อนที่ด้วยตีนตะขาบ และส่วนใหญ่มีบูมเป็นแบบบูมสาน ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ที่กำลังจะเริ่มก่อสร้าง
  • รถเครนล้อยาง ซึ่งเป็นตัวรถติดปั้นจั่นที่ขับเคลื่อนไปด้วยล้อยาง สามารถวิ่งได้เร็วเหมือนรถบรรทุก เหมาะแก่การทำงานในพื้นที่ขรุขระ
  • รถเครนสี่ล้อ เป็นรถติดปั้นจั่นที่เหมาะแก่การทำงานในพื้นที่ขรุขระ แต่ไม่เหมาะกับงานที่ต้องเดินทางไกล
  • ปั้นจั่นติดรถบรรทุก เป็นรถบรรทุกที่ติดตั้งปั้นจั่นเอาไว้ ซึ่งเหมาะแก่การใช้ยกของขึ้นไว้บนหลังรถบรรทุก

ส่วนประกอบของปั้นจั่น 

ปั้นจั่นมีส่วนประกอบหลักอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นแนวตั้ง ซึ่งจะต่อด้วยเสาเหล็กขึ้นไปทีละส่วน เพื่อที่จะทำหน้าที่ยกและลำเลียงสิ่งของขึ้นไป และอีกส่วนก็คือส่วนที่เป็นแนวนอน ที่ใช้ในการแขวนสิ่งของ โดยจะประกอบไปด้วย 6 ชิ้นส่วนหลัก ดังนี้

  1. แขนบูม เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ แขนบูมจะทำหน้าที่ยื่นออกจากตัวเครน เพื่อรับน้ำหนักสิ่งของที่ต้องการจะยก โดยแขนบูมจะทำจากเหล็กกล้า
  2. กว้าน จะช่วยในการควบคุมลวดสลิงของปั้นจั่นในการยกสิ่งของขึ้นมา โดยจะมีระบบของรอกชุดและสวดสลิงในการช่วยผ่อนแรงอยู่นั่นเอง
  3. ขายันพื้น เป็นชิ้นส่วนที่จะทำหน้าที่รักษาสมดุลของตัวปั้นจั่น เนื่องจากน้ำหนักของสิ่งของที่ใช้ยกนั้นมีน้ำหนักมาก อาจจะทำให้เอนไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ขายันพื้นจะช่วยให้ปั้นจั่นไม่ล้ม และยังคงตั้งอยู่ได้
  4. น้ำหนักถ่วง ทำหน้าที่ถ่วงน้ำหนักปั้นจั่น โดยตัวถ่วงน้ำหนักจะต้องมีน้ำหนักมากกว่าสิ่งของที่เคลื่อนย้ายอยู่ ดังนั้นโดยปกติแล้วผู้รับเหมาควรมีตัวถ่วงน้ำหนักสำรองในกรณีที่สิ่งของมีน้ำหนักมาก
  5. ลวดสลิงปั้นจั่น มีลักษณะเป็นเกลียวละเอียด เป็นลวดเกลียวเหล็กที่ทำหน้าที่แขวนและรับน้ำหนักสิ่งของ

ตะขอ ทำหน้าที่ช่วยในการยกสิ่งของ ด้วยการเกี่ยวของขึ้นมานั่นเอง โดยปกติแล้วผู้รับเหมาควรมีตะขอหลายรูปแบบ เพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งาน

การให้สัญญาณมือ

วิธีใช้งานปั้นจั่นให้ถูกต้องและปลอดภัยตามกฎหมาย

  1. ผู้ควบคุมทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ควบคุมปั้นจั่น หรือจะเป็นผู้ควบคุมการเคลื่อนย้ายวัสดุ ควรมีความรู้ในกฎในการใช้ที่ความปลอดภัยและสัญญาณมือในขณะเคลื่อนย้ายสิ่งของ และต้องสวมชุดปฏิบัติงานและสวมอุปกรณ์นิรภัยอย่างรัดกุม
  2. กรณีที่ห้องควบคุมปั้นจั่นอยู่สูงจากพื้น บันไดขึ้นจะต้องมีครอบป้องกันโดยตลอด ขั้นบันไดต้องมีความแข็งแรง
  3. ผู้ควบคุมปั้นจั่นต้องมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ขณะปฏิบัติงานต้องสวมชุดปฏิบัติงานที่รัดกุม ใส่อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคลตามความเหมาะสม เช่น ปลั๊กอุดหู หรือหมวกนิรภัย เป็นต้น
  4. ก่อนเปิดสวิตซ์ใหญ่ควบคุมการทำงาน ควรตรวจปุ่มควบคุมการทำงานว่าอยู่ในตำแหน่งปิด จากนั้นจึงเปิดสวิตซ์ใหญ่ แล้วทดสอบระบบการทำงานต่าง ๆ เช่น การเคลื่อนที่เดินหน้า-ถอยหลัง ขึ้น-ลง เบรก สัญญาณ เสียง และแสง เป็นต้น
  5. ผู้ควบคุมการเคลื่อนย้ายวัสดุซึ่งอยู่ข้างล่างจะต้องรู้จักวิธีการส่งสัญญาณมือที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายอย่างถูกต้อง และต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคล เช่น หมวกนิรภัย รองเท้านิรภัย และถุงมือหนัง เป็นต้น
  6. รู้น้ำหนักของที่จะยก และไม่ยกเกินมาตรฐานที่กำหนดไว้
  7. การเริ่มยกขึ้นครั้งแรก ควรดำเนินการอย่างช้า ๆ และยกขึ้นเพียงเล็กน้อยเพื่อตรวจสอบความสมดุลและความสามารถในการยก กรณีที่วัสดุที่ยกหนักใกล้เคียงกับพิกัดกำหนด ควรทดสอบการทำงานของเบรกด้วย
  8. ขณะวัสดุที่เคลื่อนย้ายลอยสูงจากพื้น จะต้องปฏิบัติ ดังนี้
  • ไม่สัมผัสสิ่งกีดขวาง หรือข้ามศีรษะผู้ปฏิบัติงานอื่น
  • ห้ามผู้ปฏิบัติงานเกาะบนสิ่งของที่ยก
  • กรณีที่เป็นปั้นจั่นชนิดที่อยู่กับที่ ควรมีสัญญาณเสียงและแสง
  • หลีกเลี่ยงการแขวนสิ่งของไว้กลางอากาศ แต่ถ้าจำเป็นต้องล็อกเครื่องด้วย ห้ามใช้เบรกเพียงอย่างเดียว
  • กรณีมีลมพัดแรงมากจนวัสดุที่เคลื่อนย้ายแกว่งไปมาอย่างรุนแรงต้องรีบวางวัสดุลงทันที
  • เมื่อจำเป็นต้องวางของต่ำมาก ๆ ต้องเหลือลวดสลิงไว้มากกว่า 2 รอบบนดรัม
  1. การใช้ปั้นจั่นตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปยกของร่วมกัน ให้สัญญาณมือผู้ควบคุมการเคลื่อนย้ายเพียงคนเดียว
  2. การใช้ปั้นจั่นใกล้กับสายไฟฟ้าแรงสูง ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของปั้นจั่นต้องอยู่ห่างจากสายไฟไม่น้อยกว่า 3 เมตร หรือตามขนาดของแรงเคลื่อนไฟฟ้า ถ้าไม่สามารถทำตามระยะที่กำหนดได้ ต้องมีผู้คอยสังเกตและให้สัญญาณเตือน
  3. การใช้ปั้นจั่นชนิดที่มีการถ่วงน้ำหนักด้านท้าย ห้ามถ่วงเพิ่มจากที่กำหนด
  4. การปฏิบัติงานตอนกลางคืนควรมีไฟแสงสว่างให้เพียงพอทั่วบริเวณที่ปฏิบัติงาน แต่แสงไฟต้องไม่รบกวนการปฏิบัติงานของผู้ควบคุมปั้นจั่น
  5. กรณีที่ใช้ปั้นจั่นบนตึกสูง ต้องมีสัญญาณไฟหรือสัญญาณบอกตำแหน่งให้เครื่องบินทราบ
  6. การยกของต้องยกขึ้นในแนวดิ่ง ให้รอกตะขอตรงกับศูนย์กลางของน้ำหนักที่ยก และตรงกึ่งกลางแขนของปั้นจั่น
  7. เมื่อหยุดหรือเลิกใช้งานปั้นจั่น ผู้ควบคุมควรปฏิบัติ ดังนี้
  • วางสิ่งของที่ยกค้างอยู่ลงกับพื้น
  • กว้านหรือม้วน ลวดสลิงและตะขอ เก็บเข้าที่
  • ใส่เบรกและอุปกรณ์ล็อกชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวได้
  • ปลดสวิตซ์ใหญ่ที่ใช้จ่ายไฟให้ปั้นจั่น
  1. ห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในห้องควบคุมปั้นจั่น
  2. ภายในห้องควบคุมปั้นจั่น ไม่ควรมีเครื่องมือที่ไม่เกี่ยวข้อง ยกเว้นถังดับเพลิง
  3. ต้องหมั่นบำรุงรักษาอุปกรณ์ทุกชิ้น โดยเฉพาะในส่วนที่ต้องมีการเสียดสี
การตรวจเช็กปั้นจั่น

ต้องมีการเช็กสภาพตรวจสอบปั้นจั่นบ่อยแค่ไหน ? 

ควรตรวจเช็กสภาพปั้นจั่นทุกๆ 1 หรือ 3 เดือน หรือตามบริษัทผู้ผลิตแนะนำ แต่ต้องไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด สำหรับปั้นจั่นที่หยุดใช้งานเกินกว่า 1 เดือนนั้น เมื่อนำมาใช้งานควรตรวจสอบสภาพเช่นกัน การตรวจสอบปั้นจั่นทำได้ดังนี้

  1. ตรวจการทำงานของอุปกรณ์และชิ้นส่วนควบคุมปั้นจั่น เพื่อหาการสึกหรอ การชำรุด หรือความผิดปกติอื่น ๆ
  2. ตรวจการทำงานและการชำรุดของต้นกำลัง ระบบส่งกำลัง ผ้าเบรกและคลัช เป็นต้น
  3. ตรวจที่รองรับ เช่น คาน เสา รางเลื่อน แขน และโครงสร้าง เป็นต้น เพื่อหาการสึกหรอ สนิม ผุกร่อน และบิดเบี้ยว โดยเฉพาะบริเวณที่เชื่อมหรือยึดด้วยสลักเกลียว
  4. ตรวจการชำรุดหรือสึกหรอของรอกหรือดรัม โดยเส้นผ่าศูนย์กลางของดรัมต้องมากกว่าของลวดสลิง 15 ต่อ 1
  5. ตรวจการชำรุดหรือสึกหรอของลวดสลิง เชือก หรือโซ่ ตามที่กล่าวแล้ว
  6. ตรวจตะขอและที่ล็อก เพื่อดูการชำรุด บิดงอ ปากถ่าง หรือแตกร้าว
  7. สำหรับปั้นจั่นที่ติดตั้งบนรถบรรทุก ต้องตรวจสอบรถบรรทุกเกี่ยวกับเบรก ยาง พวงมาลัย และไฟสัญญาณต่าง ๆ

สรุป

ทุกคนคงได้ทราบแล้วว่าปั้นจั่นตามกฎหมายมีกี่ชนิด และได้ทราบว่าปั้นจั่นเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญต่อโรงงานอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง โดยปั้นจั่นนั้นยังเป็นอุปกรณ์สำคัญที่สามารถช่วยเพิ่มความสะดวกในการขนส่งและขนย้ายสินค้าประเภทต่าง ๆ ได้อีกด้วย ดังนั้น ผู้ใช้งานทุกคนต้องมีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับข้อกฎหมายของการใช้งานปั้นจั่น และต้องตรวจสอบปั้นจั่นให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา เพื่อให้ใช้งานปั้นจั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด

หากคุณไม่อยากพลาดข่าวสาร และสาระดี ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง รถเครน และปั้นจั่นสามารถติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ EK CRANE เรามีอัปเดตสาระน่ารู้ใหม่ ๆ ให้อยู่เสมอ นอกจากนี้สำหรับผู้ที่สนใจเช่ารถเครนประเภทต่าง ๆ เอกเครน โลจิสติกส์ ผู้นำด้านบริการเช่ารถเครนทุกขนาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เรามีทีมงานตลอดให้บริการอยู่ตลอด สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

เราให้ทีมเซลล์ติดต่อกลับหาคุณได้
ใส่เบอร์โทรด้านล่างได้เลย